วิธีรักษาสิว ทำอย่างไรให้หน้าขาวใส

วิธีรักษาสิว ทำอย่างไรให้หน้าขาวใส

การรักษาสิวและการดูแลหน้าขาวใสมักจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์และสภาพผิวของแต่ละคน แต่อย่างไรก็ตาม นี่คือวิธีทั่วไปที่อาจเป็นประโยชน์

ทำความสะอาดหน้าอย่างสม่ำเสมอ : ใช้เจลหรือน้ำยาล้างหน้าที่เหมาะสมสำหรับประเภทผิวของคุณ และล้างหน้าสองครั้งต่อวัน เช้าและก่อนนอน เพื่อล้างสิ่งสกปรกและความมันที่สะสมอยู่บนผิวหน้า

ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม : เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่มีน้ำมันเยอะๆ และปราศจากสารเคมีที่อาจทำให้ผิวแพ้ง่าย เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลูมิเนียมฮิดรอกไซไลเป็นต้น

ใช้ครีมหรือเจลบำรุงผิว : เลือกครีมหรือเจลที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบและปรับสภาพผิว เช่น วิตามินซี กรดฟอลิค หรือน้ำมันมะกอก

ดื่มน้ำมากๆ : การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ผิวขาวใสและชุ่มชื้นมากขึ้น

ระมัดระวังในการใช้เครื่องสำอาง : เลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่มีน้ำมันหรือบำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่อ่อนโยนกับผิว เช่น บลัชออนหรือแป้งฝุ่นที่ไม่มีน้ำมัน

หลีกเลี่ยงการทับทวน : หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหน้าเป็นระยะเวลานานๆ เช่น การนอนหลับต่อหน้าหรือการหยิบสิ่งของขึ้นมาทับบนหน้า

รักษาสุขภาพที่ดี : การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนสามารถช่วยให้ผิวขาวใสและสุขภาพดีขึ้นได้

หากมีปัญหาหรือสงสัย ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง : แพทย์ผิวหนังสามารถให้คำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณได้ดีที่สุด

การดูแลผิวหน้าอาจเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและความอดทน แต่หากคุณปฏิบัติตามวิธีการและใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม มักจะช่วยลดการเกิดสิวและส่งเสริมให้ผิวขาวใสขึ้นได้บ้างครับ

หนัง (เกี่ยวกับ) เด็กที่ผู้ใหญ่ควรได้ดู

หนัง (เกี่ยวกับ) เด็กที่ผู้ใหญ่ควรได้ดู

การดูหนังหรือภาพยนตร์เป็นหนึ่งในงานอดิเรกยอดนิยมของคนทั่วโลก เพราะนอกจากจะเป็นการผ่อนคลายได้รับความบันเทิงและความสนุกที่ได้จากเนื้อเรื่องของหนังแล้ว เรายังสามารถเรียนรู้เนื้อหาสาระ มุมมอง รวมถึงเรื่องราวประเด็นต่าง ๆ ที่ผู้สร้างพยายามสื่อออกมาด้วย

มีหนังจำนวนมากทีเดียวที่นำเสนอเรื่องราวของ “เด็ก” ที่ดูเหมือนผู้สร้างไม่ได้ตั้งใจทำเพื่อให้เด็กดู แต่ให้ผู้ใหญ่ดู อาจจะเพื่อความเข้าใจในความเป็นเด็ก วิธีคิดของเด็ก และปัญหาของเด็ก

ภาพยนตร์เกี่ยวกับเด็ก 3 เรื่องที่อยากชวนให้ผู้ใหญ่ดู

  1. Life is Beautiful – เด็ก…คือผ้าขาวไร้รอยเปื้อน

หนังอิตาเลียน ออกฉายในปี 1997 โดยผู้กำกับ โรแบร์โต เบนิญี่ ซึ่งแสดงนำเองอีกด้วย ว่าด้วยเรื่องราวครอบครัวชาวยิวที่อาศัยในประเทศอิตาลี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และถูกกองทัพนาซีจับตัวไปอยู่ในค่ายกักกัน โดยพ่อที่ชื่อ กุยโด อยู่กับ โจชัว ลูกชายวัย 5 ขวบ ส่วนแม่ถูกแยกไปอยู่ในแดนผู้หญิง

กุยโดไม่ต้องการให้ลูกวัย 5 ขวบ สูญเสียความเป็นเด็ก ความสดใส จินตนาการ เพราะภัยสงครามและความโหดร้ายในค่ายกักกันเชลย จึง “โกหก” ลูกว่าเราเข้ามาเล่นเกมกัน วิธีเล่นเกมนี้ให้ชนะก็คือต้องเอาชีวิตให้รอด เด็กชายโจชัวจึงยึดถือสิ่งนี้เป็นคติประจำชีวิต โดยไม่ได้เฉลียวคิดว่าจริง ๆ แล้วมันคือสงครามที่โหดร้าย

เด็ก…คือผ้าขาวไร้รอยเปื้อน อยู่ที่ผู้ใหญ่และสังคมจะแต่งแต้มสีสันลงไป หากเติมสีของสงครามชีวิตเด็กน้อยคงมืดมัว ไร้ความฝัน ผ้าขาวขาดวิ่นไม่มีชิ้นดีในที่สุด แต่หากแต้มสีของเกมและรางวัล (แม้จะเป็นการโกหกก็ตาม) อย่างน้อยผ้าขาวผืนนี้ยังไม่เสียหาย รอเวลาแห่งความสดใสอีกครั้ง

  1. กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้ – ครอบครัวสำคัญที่สุด 

ภาพยนตร์ไทยระดับเยี่ยมยอด ออกฉายในปี 2538 ที่แม้จะไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ แต่ขึ้นหิ้งเป็นงานชิ้นเอก ได้รับการยกย่องว่านี่คือหนังที่ดีที่สุดของผู้กำกับ บัณฑิต ฤทธิ์ถกล และเป็นหนึ่งในหนังไทยที่ดีที่สุดตลอดกาล

เนื้อเรื่องกล่าวถึงครอบครัวชนชั้นกลางของ ดำรง กับ อาภา ที่ต้องเลิกราแยกกันอยู่ ลูก 3 คน โอ๋ พี่สาว อ้นและอั้ม น้องชาย อยู่กับแม่ หากแต่เด็ก ๆ ผูกพันกับพ่อมากกว่าแม่ผู้ซึ่งบ้างานจนไม่ค่อยมีเวลาให้ เรื่องราวเริ่มซับซ้อนเมื่อ โอ๋ พาน้อง 2 คน หนีออกจากบ้านเพื่อไปหาพ่อที่เชียงใหม่ ระหว่างทางจึงได้พบกับ นกแล เด็กจรจัดบนรถไฟและได้เข้าไปพัวพันกับแก๊งค้ายาเสพติดจนโอ๋ถูกหัวหน้าแก๊งจับจะเอาไปขาย ส่วนดำรงกับอาภาเมื่อรู้ว่าลูกหายตัวไปจึงออกตามหาลูก จนเหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้ทั้งคู่เรียนรู้ได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับลูกของตัวเองคืออะไร

นอกจากหนังจะบอกเราว่าสำหรับเด็กครอบครัวสำคัญที่สุด ยังสื่อให้เห็นถึงปัญหาของสังคมไทยที่ซับซ้อนเกินกว่าใครคนใดคนหนึ่งหรือหน่วยงานใดจะแก้ไขได้เพียงลำพัง เพราะแม้ในที่สุดครอบครัวดำรงกับอาภาจะกลับมาอยู่ด้วยกัน ดูจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง แต่เด็กจรจัดนกแลและพวกหนีออกจากบ้านเด็กกำพร้า กลับไปผจญโลกในวิถีเดิม นั่นแสดงให้เห็นว่าปัญหาสังคมยังคงอยู่และแก้ไขไม่ได้ง่าย ๆ

  1. Children of Heaven – เด็ก…ไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ตัวเล็ก

ภาพยนตร์สัญชาติอิหร่าน ออกฉายในปี 1997 โดยผู้กำกับ มาจิด จาจิดี เล่าถึงเรื่องราวของ 2 พี่น้อง เด็กชายอาลี (พี่ชาย) และเด็กหญิงซาห์รา (น้องสาว) กับรองเท้า 1 คู่ ที่สองพี่น้องต้องสลับกันใส่ไปโรงเรียน เพราะอาลีทำรองเท้าของซาห์ราที่มีอยู่คู่เดียวหายไป เหลือแต่รองเท้าผ้าใบสีขาวเก่าซอมซ่อของอาลี

ครอบครัวของอาลีกับซาห์รามีฐานะยากจน การจะหาซื้อรองเท้าคู่ใหม่จึงเป็นสิ่งที่เกินเอื้อม อาลีจึงทำทุกวิถีทาง (ที่สุจริต) เพื่อหารองเท้ามาให้น้องสาวใส่ โดยในระหว่างนั้นทั้งคู่จำเป็นต้องใช้รองเท้าคู่เดียวกัน ซาห์ราใส่ไปเรียนตอนเช้าเมื่อเลิกเรียนก็วิ่งกลับมาสลับให้อาลีใส่รองเท้าคู่เดียวกันนั้นไปโรงเรียนในตอนบ่าย

และแล้ววันหนึ่งมีการแข่งขันวิ่งมาราธอน โดยรางวัลที่ 3 คือ รองเท้าผ้าใบ อาลีจึงไม่ลังเลที่จะลงแข่ง หากเขาได้รองเท้าผ้าใบคู่นี้ ปัญหาทุกอย่างที่เขาและน้องสาวกำลังเผชิญจะถูกแก้ไข และที่สำคัญที่สุดก็คือรอยยิ้มของซาห์ราถ้าเธอได้เห็นของขวัญที่เขามอบให้ และด้วยความมุ่งมั่นสุดแรงเกิดนี้เองทำให้อาลีเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ทุกคนดีใจโห่ร้องฉลองชัยชนะ …แต่ อาลี ร้องไห้

เด็ก…ไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ตัวเล็ก ความคิดอ่านของเด็กอาจไม่ตรงตามความเข้าใจของผู้ใหญ่ จงเข้าใจเด็กแบบที่เด็กเป็น ไม่ใช่แบบที่เราอยากให้เป็น

หนังหรือภาพยนตร์เป็นงานศิลปะแขนงหนึ่งซึ่งทำหน้าที่สื่อความหมายตามแต่ศิลปินผู้สร้างต้องการนำเสนอ หนังจึงเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและวัฒนธรรม และหากแหลมคมเข้มข้นมากพอหนังจะสามารถเปลี่ยนทัศนคติคนในสังคมได้ ซึ่งเท่ากับว่าหนังเปลี่ยนสังคมได้ด้วย

ปั้นหุ่นสวยด้วย 5 เทคนิคเพิ่มการเผาผลาญให้ดีขึ้น

ปั้นหุ่นสวยด้วย

หากคุณสังเกตจะพบว่าหลายครั้งที่เกิดคำถามในใจว่า ทำไมบางคนกินยังไงก็ไม่อ้วนหรือบางคนแค่ออกกำลังกายนิดเดียวก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาให้แต่ละคนแตกต่าง เพราะระบบเผาผลาญที่ติดตัวมาของแต่ละคนต่างกัน แต่ก็อย่าพึ่งกังวลไป วันนี้เราได้นำทริกการเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญมาฝาก เพื่อให้ได้หุ่นสวยกับมาเร็ววัน

1.ทานมื้อเช้าให้เป็นปกติ ต้องบอกเลยว่าหากไม่อยากระบบเผาผลาญพังห้ามทำเด็ดขาด นี่จึงเป็นคำตอบว่ามื้อเช้าสำคัญมากแค่ไหน เพราะในช่วงเช้าสมองจะหลั่งสาร นิวโรเปปไทด์ วาย (Neuropeptide Y) เป็นตัวที่บอกว่าคุณกำลังหิว หากอดอาหารจะทำให้หิวมากขึ้น 

2.ออกกำลังกายด้วยคาร์ดิโอ คาร์ดิโอจะมีตั้งแต่เดินเร็ว วิ่ง เต้นรำ ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เหล่านี้จะช่วยในเรื่องของการเผาผลาญไขมัน 

3.แอลคาร์นิทีน สารสำคัญในการเผาผลาญที่ต้องเติม ซึ่งแหล่งที่พบสารตัวนี้จะมีอยู่ใน อะโวคาโดและถั่ว ฉะนั้นหากอยากเพิ่มอัตราการเผาผลาญในร่างกายจะขาดสิ่งนี้ไม่ได้ 

4.ไม่นอนดึก ช่วงเวลาที่ควรเข้านอนไม่ควรเกินเวลาตั้งแต่ 21.00-23.00น. เพราะร่างกายจะสามารถควบคุมการนอนหลับได้ดี รวมไปถึงการที่ร่างกายได้พักผ่อนเพียงพอการทำงานต่าง ๆ จะเริ่มดีขึ้น 

5.ดื่มน้ำเยอะ ๆ เป็นวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยทำให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีขึ้น โดยการดื่มน้ำปริมาณที่เหมาะสมคือครึ่งลิตรหรือ 5 แก้ว ซึ่งตื่นเช้ามาควรดื่มทันที จะช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น

นอกจากนั้นมีน้ำมัน 2 ชนิดตัวช่วยการเผาผลายง่ายหุ่นเฟิร์มไว นำมาใช้ในการทำอาหารกินเองเพื่อคุมน้ำหนัก ดังนี้

1.น้ำมันมะกอกสกัดเย็น ไม่เพียงช่วยในเรื่องของการเผาผลาญและลดพุงเท่านั้น ยังสามารถลดคอเลสเตอรอลได้ดี สามารถทานคู่กับสลัดได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกด้วย แต่ข้อควรระวังคือไม่ควรให้ผ่านความร้อนเพราะคุณประโยชน์จะหายไป

2.น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น เป็นตัวช่วยที่มากประโยชน์ ในเรื่องของการลดไขมันในเลือดได้และลดพุงก็ทำได้ดีเช่นกัน เพราะน้ำมันมะพร้าวจะลดความอยากอาหาร จึงเหมาะกับคนที่กำลังไดเอด แม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำมันแต่สรรพคุณนั้นตอบโจทย์ในเรื่องการลดน้ำหนักมากทีเดียว

ทั้งหมดถือเป็นทริกที่เหล่าคนรักสุขภาพและต้องการลดน้ำหนักนิยมทำกัน ซึ่งได้ผลดีมากทีเดียวหากคุณมีวินัยในการทาน พร้อมกับเลือกอาหารที่มีประโยชน์และเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญ ที่สำคัญควรอีกทำควบคู่ไปพร้อม ๆ กับการออกกำลังกายจะช่วยให้คุณได้หุ่นที่เฟิร์มกลับมาเร็วขึ้นแน่นอน  

สิ่งที่แบรนด์ไม่ควรทำ ถ้าอยากกำหัวใจของลูกค้าให้อยู่หมัด

สิ่งที่แบรนด์ไม่ควรทำ ถ้าอยากกำหัวใจของลูกค้าให้อยู่หมัด

การที่แบรนด์จะอยู่รอดอย่างมั่นคงจำเป็นต้องใช้แรงสนับสนุนจากลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งการจะจับหัวใจลูกค้าให้อยู่หมัดจำเป็นจะต้องมีการพัฒนาตัวเองเพื่อยกระดับการบริการและการขายให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอยู่ตลอด เนื่องจากเราเข้าใจว่าธุรกิจต้องการพัฒนาแบรนด์ด้วยช่องทางนี้ วันนี้เราจึงทำการรวบรวมสิ่งที่ไม่ควรทำถ้าอยากกำหัวใจของลูกค้าเอาไว้ให้ยาวนานให้ทุกคนได้ระวังกัน

  1. เพิกเฉยความคิดเห็นของลูกค้า

ความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะของลูกค้าเป็นแนวทางการพัฒนาธุรกิจที่ยอดเยี่ยมที่เราอาจจะคาดไม่ถึง เพราะหลายครั้งเจ้าของธุรกิจจะคิดในมุมมองของผู้ประกอบการเพียงอย่างเดียว จนลืมคำนึงถึงมุมมองของฝั่งลูกค้า ดังนั้นการฟังข้อเสนอที่ลูกค้าต้องการเป็นอีกวิธีการสะท้อนผลการดำเนินการของธุรกิจได้อย่างชัดเจน

  1. ไม่มีใจรักบริการ

สิ่งที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการไปอย่างต่อเนื่องมักเกิดจากความประทับใจในการบริการของแบรนด์ โดยอาจจะเกิดจากความสะดวกสบายหรือความสมบูรณ์แบบของบริการหลังการขาย ไปจนถึงการสร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์ด้วยการให้คำแนะนำหรือการตอบคำถามที่จริงใจกับลูกค้า

  1. ไม่เก็บสถิติลูกค้า

แบรนด์ที่มุ่งเน้นการทำการตลาดโดยเน้นไปที่ปริมาณแต่ไม่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการโปรโมทให้ถูกจุดมักจะพลาดผลประโยชน์ดี ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้นต้องหมั่นเก็บข้อมูลสถิติ เช่น เพศหรือวัยของลูกค้าที่ทำรายได้มากที่สุด ช่องทางที่มียอดขายมากที่สุด การทำรายได้ของแต่ละสาขา ข้อมูลเหล่านี้ทำให้รู้จุดเด่นและจุดอ่อนของธุรกิจ สามารถใช้พัฒนาแบรนด์ได้อย่างตรงจุด

  1. ทำคอนเทนต์ยาวเกินไป

คนรุ่นใหม่นิยมเสพการโฆษณาที่สั้น กระชับ ได้ใจความและต้องตรงไปตรงมา ดังนั้นการทำคอนเทนต์ที่ยืดเยื้อเกินไปจะทำให้ลูกค้าเกิดความเบื่อหน่าย และไม่เข้าใจว่าแบรนด์ต้องการสื่อสารอะไร จนหมดความสนใจที่จะซื้อสินค้าหรือบริการ ดังนั้นต้องหมั่นพัฒนาคอนเทนต์ของแบรนด์ให้สดใสและทันสมัยอยู่เสมอ

  1. ไม่ขยายช่องทางการขาย

ในปัจจุบันการซื้อขายสินค้าทางออนไลน์เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งยวด ทำให้มีช่องทางการขายสินค้าใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น แอปพลิเคชั่น แฟนเพจ กลุ่มในโซเชี่ยลมีเดีย ทำให้การเพิ่มช่องทางการสั่งสินค้าทางออนไลน์อยู่เสมอเป็นเรื่องจำเป็นมากสำหรับทุกแบรนด์ ถ้าไม่หมั่นเพิ่มช่องทางการขายจะเสียลูกค้าและผลกำไรไปเป็นจำนวนมาก

ทั้งหมดนี้คือเรื่องที่แบรนด์ไม่ควรทำเพราะอาจจะเสียว่าที่ลูกค้าประจำไปตลอดกาล การละเลยเรื่องที่ดูเล็กน้อยเหล่านี้อาจจะสร้างผลกระทบที่รุนแรงให้กับธุรกิจในอนาคต ดังนั้นขอให้ผู้ประกอบการทุกคนต้องพยายามใส่ใจรายละเอียดและหมั่นสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง สิ่งนี้จะทำให้แบรนด์เติบโตได้อย่างยอดเยี่ยมแน่นอน

ภัยจากยาย้อมผม

ภายใต้ความสวยของสีสันบนเส้นผม เป็นแฟชั่นยอดนิยมตั้งแต่เด็กไปถึงผู้สูงวัยซ่อนพิษร้ายที่ทำลายสุขภาพร่างกายอย่างไรบ้าง เรามาทำความรู้จักและเข้าใจเจ้าเกี่ยวกับเส้นผม และเจ้าตัวร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในสีย้อมผม ดังต่อไปนี้

เส้นผมคนเราประกอบด้วย 2 ส่วน คือ รากผม ซึ่งฝังอยู่ใต้ผิวหนัง และเส้นผม ซึ่งในเส้นผมมี 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นเกร็ดผมอยู่ชั้นนอกสุด ถัดมาคือชั้นกลาง ชั้นนี้จะมีเม็ดสีตามธรรมชาติ เมื่อเม็ดสีหายไปจะทำให้ผมขาว ในการย้อมสีจะมีการเปลี่ยนสีผมที่ชั้นนี้ และชั้นในสุด คือ แกนผม ผมเส้นเล็กจะไม่มีแกนผม 

ยาย้อมผมทำปฏิกิริยาอย่างไรกับเส้นผมบ้าง การย้อมผมแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 

1.ชนิดชั่วคราว เป็นชนิดที่ใช้สีโมเลกุลใหญ่จะเกาะติดที่ส่วนเกร็ดของเส้นผมไม่ซึมลึกเข้าสู่ผมชั้นกลางสามารถล้างออกได้ เช่น โลชั่นแต่งสีผม ดินสอทาสีผม เป็นต้น 

2.ชนิดกึ่งถาวร ประกอบด้วยสีโมเลกุลเล็ก สามารถซึมเข้าสู่ส่วนกลางของเส้นผมโดยไม่มีสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ สีติดทนนาน 3-5 สัปดาห์ ได้แก่ แชมพูย้อมสีผม โลชั่น หรือโฟมย้อมสีผม

3. ชนิดถาวร เป็นชนิดสีที่ติดทนนานในชั้นกลางของเส้นผม มีส่วนประกอบของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และสารไม่มีสีอย่าง อโรมาติคเอมีน และฟีนอล ทำให้สีคงทนจนกว่าผมจะงอกขึ้นมาใหม่ ยิ่งยาย้อมสีเข้มจะยิ่งมีสารเคมีเหล่านี้มากขึ้น เป็นชนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 

สารเคมีที่พบในยาย้อมผม และเป็นภัยต่อสุขภาพมีดังนี้  

  • สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไชด์ ทำหน้าที่ฟอกสีผม และฆ่าเชื้อโรค มีฤทธิ์ทำลายเส้นผม กัดสีผมและผิวหนังศีรษะ ทำให้ระคายเคือง ผมแห้งเสีย ยิ่งย้อมบ่อยยิ่งหงอกเร็ว 

เป็นสารก่อมะเร็ง

  • สารฟีนิลีนไดอะมีน และพาราโทลูไดอามีน เป็นสารเคมีอันตราย ทำให้ระคายเคือง และมีโอกาสสะสมมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งหนังศีรษะ 
  • แอมโมเนีย มีฤทธิ์เป็นด่าง ช่วยเร่งให้สีติดเร็วและทน กลิ่นฉุน ทำให้ผมร่วง รากผมอ่อนแอ
  • กลุ่มโลหะหนัก ได้แก่ ซิลเวอร์ไนเตรต หากเข้าตาอาจตาบอดได้  และเลดอะซีเตด เป็นสารตะกั่วอยู่ในครีมปิดผมขาวชนิดที่ไม่ต้องล้างออกเช่นเดียวกับสารซิลเวอร์ไนเตรต หากใช้บ่อยจะเกิดการตกค้างของสารตะกั่ว ทำลายสมองและประสาท เป็นสารก่อมะเร็ง
  • พีพีดี พบในยาย้อมผมส่วนมากทั้งที่มีหรือไม่มีไฮโดนเจนเปอร์ออกไซด์ ผู้ที่ย้อมผมประจำจะมีสารตัวนี้ตกค้างในกระเพาะปัสสาวะ และสะสมเสี่ยงเป็นมะเร็งหนังศีรษะ

สำหรับอาการแพ้รุนแรง หรือภูมิแพ้ชนิดเฉียบพลัน (Anaphylaxis) พบได้หลังย้อมผมไม่กี่นาที หากพบอาการแพ้รุนแรงต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

  • คัน หรือมีผื่นคันสีแดงขึ้นตามผิวหนัง
  • บวมบริเวณดวงตา เปลือกตา ริมฝีปาก มือ และเท้า 
  • ปาก ลิ้น และคอบวม จนอาจหายใจหรือกลืนอาหารลำบาก
  • ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
  • หายใจมีเสียงหวีด
  • หมดสติ

ความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง จากงานค้นคว้าพบว่ายาย้อมผมเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต่าง ๆ เช่น มะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเต้านม มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น

ยาย้อมผมจัดว่าเป็นแหล่งรวมสารเคมีอันตรายหากจำเป็นต้องใช้ควรทดสอบการแพ้สารเคมีเหล่านี้ก่อนทุกครั้ง อย่าย้อมสีผมบ่อยจนเกินไป ไม่เกาศีรษะแรงจนหนังศีรษะเป็นแผลจะทำให้สารเคมีอันตรายซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น อยากสวยปลอดภัยต้องอ่านสลาก ข้อบ่งใช้ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานรับรองเท่านั้น 

ว่านหางจระเข้ประโยชน์มีมาก ครอบจักรวาล

ว่านหางจระเข้ประโยชน์มีมาก ครอบจักรวาล

ว่านหางจระเข้เป็นพืชสมุนไพรที่อยู่กับคนไทยมานานแสนนานและมีสรรพคุณมากมาย นิยมนำไปลดอาการแสบ ในแผลถูกน้ำร้อนลวกถือเป็นสรรพคุณเด่นที่ทุกคนทราบดี จึงทำให้หลายบ้านปลูกไว้และยกให้เป็นเหมือนพืชสมุนไพรสามัญประจำบ้าน นอกจากนี้ในเรื่องความงามก็มีคุณประโยชน์ดีต่อผิวไม่น้อย เราไปดูกันว่ามีประโยชน์ด้านใดบ้าง

1. เมื่อทาแล้วจะช่วยลดอาหารบวมแดงและอักเสบของผิว

2. ลดอาการใต้ตาคล้ำได้ด้วยและลดอาการบวม

3. ให้ความชุ่มชื่นและดีต่อผิว

4. หากโดนแดดเผาหรือผิวไหม้ทาแล้วจะเพื่อบรรเทาอาการแสบผิว

5. ใครที่ไปยิงเลเซอร์และมีรอยไหม้ช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น

6. นำไปผสมรองพื้นได้ จะไปทำหน้าที่ลดความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์

7. เหมาะนำไปทำมาร์กหน้า

8. บำรุงมือและเล็บได้ดียิ่งกว่าแทนแฮนด์ครีม 

ว่านหางจระเข้มีประโยชน์ทั้งลำต้น

  • ใบ มีรสเย็นวิธีใช้จะนำใบไปตำผสมกับสุราหรือจะไปพอกฝีก็ได้เช่นกัน
  • ทั้งหมดของลำต้น มีรสเย็น หากนำไปดองสุราดื่มจะช่วยขับน้ำคาวปลา
  • ราก มีรสขม หากนำไปรับประทานจะช่วยถ่ายโรคหนองใน
  • ยางในใบ อีกหนึ่งส่วนที่มีประโยชน์เพราะใช้เป็นยาระบายชั้นเยี่ยม
  • น้ำวุ้นจากใบ ก่อนจะทำเมนูอะไรทานก็ตาม เมื่อปอกเปลือกออกแล้วให้นำไปล้างด้วยน้ำสะอาด ฝานเป็นแผ่นบาง ๆ ฤทธิ์เย็นจะช่วยรักษาแผลสดภายนอกได้ดี เช่น น้ำร้อนลวก ไฟไหม้ นอกจากความแสบจะลดลงแล้ว รอยแผลก็จะจางหายไป นอกจากนี้ยังใช้เป็นตัวป้องกันผิวไม่ให้โดนแดดเผา พร้อมทั้งทาแล้วจะช่วยรักษาสิวและรอยแผลเป็น
  • เนื้อวุ้น รักษาริดสีดวงได้ด้วย โดยจะใช้เนื้อวุ้นไปเหน็บทวาร
  • เหง้า จะทำโดยการต้ม เพื่อนำน้ำมารับประทานแก้หนองใน

2 ข้อควรระวัง สำหรับใช้ว่านหางจระเข้สด

1.แม้ว่าจะเป็นสมุนไพร แต่เพื่อป้องกันการแพ้ ควรทดสอบอาการแพ้โดยจะต้องนำไปปอกเปลือกออก แล้วนำน้ำจากวุ้นสีขาวมาทาที่โคนหูหรือท้องแขน ทิ้งไว้สักพักหรือจะทาข้ามคืนก็ได้ หากพบว่ามีอาการระคายเคืองหรือเกิดผื่น นั้นหมายความว่าคุณแพ้ว่านหางจระเข้ แต่หากไม่พบอาการใด ๆ สามารถใช้ว่านหางจระเข้ในวิธีต่าง ๆ ได้แบบสบายใจ

2. สำหรับผู้ใดที่มีสิวบนใบหน้า โดยเฉพาะสิวหัวหนองควรเลี่ยง เพราะว่านหางจระเข้จะเป็นตัวทำให้สิวหายยากมากกว่าเดิม 

จากข้อมูลทั้งหมดหากทราบแล้วว่าว่านหางจระเข้ที่คุณปลูกในบ้านมีสรรพคุณมากมายขนาดนี้ ลองหาสูตรเพื่อบำรุงผิวและรักษารอยแผลเป็นให้จาง รับรองว่าให้ผลดีและประหยัดเงินมากทีเดียว

ก่อนสั่งต้องรู้จัก 5 ประเภทของกาแฟที่นักดื่มนิยมสั่ง

ก่อนสั่งต้องรู้จัก 5 ประเภทของกาแฟที่นักดื่มนิยมสั่ง

ใครที่เป็นคอกาแฟน่าจะรู้จักดีอยู่แล้วกับ 5 ประเภทที่เรากำลังจะนำเสนอวันนี้ เพราะเป็นเมนูที่ได้รับควานิยมและหากเป็นนักดื่มตัวจริงจะต้องสั่งอยู่เป็นประจำ ซึ่งแต่ละประเภทจะให้รสชาติที่แตกต่างกันให้ทั้งกลิ่นหอมกลุ่น รสชาติหวานกลมกล่อม ขมตามฉบับกาแฟแท้ ๆ เหล่านี้คือความแตกต่างที่ทำให้หลายคนหลงใหลและเป็นคนรักการดื่มไปโดยปริยาย ลองดูกันว่าแต่ะประเภทมีเอกลักษณ์อย่างไร 

1.เอสเปรสโซ (Espresso) เป็นกาแฟที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยกรรมวิธีมีความพิเศษ สามารถทำดื่มได้ด้วยตัวเอง คือการขั้วบดเมล็ดกาแฟแล้วชงด้วยน้ำร้อนกลองจนได้น้ำกาแฟที่เข้มข้น แบบไม่ต้องผสมอะไรเลย ที่มาของชื่อ เอสเปรสโซ ซึ่งคำว่า “espresso” มาจากคำภาษาอิตาลี หมายถึง เร่งด่วน กาแฟที่รสชาติเข้มสุดนั้นเอง

2.ลาเต้ (Caffe latte) หากแปลตามชื่อในภาษาอิตาลี หมายถึง นม แน่นอนว่ารูปแบบของกาแฟจะต้องมีรสชาติของนมเข้ามาเป็นส่วนผสมด้วย รสชาติจึงมีความละมุน กลมกล่อม เหมาะกับคนที่ไม่ชอบทานกาแฟรสชาติเข้ม ๆ ขม ๆ นั้นเอง ซึ่งเสน่ห์อีกอย่างคือ รูปภาพที่เหล่าบาร์ลิสต้าได้รังสรรค์ขึ้นมาจากฟองนมอันละมุนลิ้น เป็นเสน่ห์อันน่าหลงใหลและช่วยเพิ่มอรรถรสในการดื่มได้มากอีกด้วย 

3.คาปูชิโน (Cappuccino) เป็นประเภทของกาแฟที่เข้มกว่า latte และมีการรวมส่วนผสมจากเอสเปรสโซ 1/3 ส่วน จากนั้นนำมาผสมกับนมร้อนที่ได้ผ่านไอน้ำหรือนมสตรีม 1/3 ส่วน ให้ลอยอยู่ด้านบน ซึ่งจะอยู่ในอัตราส่วนที่เท่า ๆ กันและโรยด้วยผงโกโก้หรือบางสูตรอาจเป็นผงชินามอน ซึ่งเป็นกาแฟจากอิตาลีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

4.อเมริกาโน่ (Americano) เป็นกาแฟที่มีการนำส่วนผสมจากเอสเปรสโซ 1 ส่วน และเพื่อเป็นกาเจือจางไม่ให้เข้มมากเกินไปด้วยน้ำร้อน 1 ส่วน เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นจะเรียกว่ากาแฟนดำนั้นเอง ใครกลัวอ้วนต้องดื่มเลย

5.มอคค่า (Caffè Mocha) เป็นกาแฟที่มีเสน่ห์ทั้งรสชาติและรูปลักษณ์มากทีเดียว เพราะมีวิปปิ้งครีมเป็นตัวปิดท้ายที่ทำให้กาแฟประเภทนี้น่าทานมากขึ้น โดยประกอบจะผสมผสานของเอสเพรสโซ่ 1/3 ส่วน นมร้อน 2/3 ส่วน และช็อคโกแลต แนะนำการทานไม่ควรคนวิปปิ้งครีมผสมกาแฟ มิเช่นนั้นรสชาติจะเพี้ยน ซึ่งหากคุณกำลังเครียด ๆ กับงานการดื่มกาแฟชนิดนี้ช่วยได้มากทีเดียว

กาแฟกับสุขภาพและรูปร่างที่ดีขึ้น

การดื่มกาแฟจะช่วยให้สุขภาพดีก็ต่อเมื่อดื่มในปริมาณที่เหมาะสม เพราะคาเฟอีนอ่อน ๆ ช่วยระบบไหลเวียนในเลือด รวมไปถึงระบบเผาผลาญที่ดีขึ้นทำงานดีขึ้น อย่างไรก็ตามกาแฟที่ดีที่สุดคือกาแฟที่ไร้น้ำตาล นมและวิปปิ้งครีม หากใครที่กำลังควบคุมน้ำหนักจะต้องทราบดีอยู่แล้ว ฉะนั้นควรเลี่ยงเลยหากอยากทานกาแฟแบบไม่ส่งผลต่อสุขภาพและหุ่น

ขยะกำพร้าคืออะไร

ขยะกำพร้าคืออะไร

เราคงคุ้นหู และรู้จักแต่เด็กกำพร้า พอพูดถึงขยะกำพร้าก็คงถึงขั้นคิ้วผูกโบว์ ขยะที่เรารู้จักกันดี คือ ขยะย่อยสลายได้ ขยะรีไซเคิล ส่วนขยะอีกจำนวนมากที่ไม่เข้าข่าย 2 ประเภทแรกคนส่วนใหญ่กลับไม่ค่อยนึกถึงกันซึ่งนับวันจะยิ่งเป็นปัญหาใหญ่ของโลก ขยะที่ว่านั้นก็คือ ขยะกำพร้า 

ขยะกำพร้า คือ ขยะที่ไม่สามารถนำไปรีไซเคิล ทิ้งลงดินก็เป็นพิษ ทิ้งในน้ำก็เป็นภัย หรือคิดง่าย ๆ คือ เป็นขยะที่รถซาเล้งไม่รับซื้อเพราะไม่สามารถนำไปขายต่อได้นั่นเอง ขยะประเภทนี้มีปริมาณเพิ่มขึ้นมากๆในช่วงระบาดโควิด-19 เพราะคนออกนอกบ้านไม่ได้ต้องกินอาหารสั่งผ่านออนไลน์ซึ่งต้องใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกแทบทั้งสิ้น,ชุดตรวจ ATK เกิดขึ้นจำนวนมหึมา เป็นต้น จากรายงานข่าว PPTV เมื่อ 6 สิงหาคม 2563 พบว่าปริมาณขยะพลาสติกที่รีไซเคิลไม่ได้ใน กทม. ช่วงเดือนเมษายน เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 29.58 จากปกติอยู่ที่ประมารร้อยละ 12 ของปริมาณขยะทั้งหมด โควิด-19 ทำให้ขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นจาก 1,500 ตันต่อวันเป็น 6,300 ตันต่อวัน ซึ่งตัวอันตราย คือ ขยะกำพร้า ซึ่งหากกำจัดไม่ถูกวิธีจะต้องรอเวลาย่อยน้อย 400 ปีจึงจะย่อยสลายเอง อะไรบ้างที่เรียกว่าขยะกำพร้า ไปดูกัน

  1. กลุ่มภาชนะ และบรรจุภัณฑ์อาหาร ยา และอื่น ๆ  

เป็นขยะกำพร้ากลุ่มใหญ่ที่สุด และเติบโตทวีคูณทั้งจากโควิด-19 และการใช้ชีวิตที่รีบเร่งของคนปัจจุบัน เช่น แก้ว กล่อง ช้อนส้อมพลาสติก,ถุงอาหาร,ซองขนมกรุบกรอบ,ซองเครื่องปรุงรส-กันชื้นในอาหารสำเร็จรูป,แคปซูลกาแฟ,แผง-ซองยา,ฟอยล์ทุกชนิด,กล่องโฟม และรวมถึงโฟมกันกระแทกที่ใช้ในการขนส่ง

  1. กลุ่มอาหารแห้ง และยาหมดอายุ 
  1. หมวดอุปกรณ์เพื่อสุขภาพอนามัย และการแพทย์ พยาบาล เช่น ชุดตรวจ อาทิ ATK,ชุดตรวจครรภ์,ผ้าอนามัย,หน้ากากอนามัย,ถุงมือยาง,พลาสเตอร์ยา
  1. หมวดเสื้อผ้า พวกเสื้อผ้าใยสังเคราะห์,เสื้อใน,กางเกงใน,ซิลิโคน
  1. หมวดเครื่องเขียนงานฝีมือ เช่น ปากกา,ปากกาลบคำผิด,ดินน้ำมัน,โอเอซิส(ปักดอกไม้)
  1. กลุ่มอุปกรณ์ทำความสะอาด เช่น แปรงสีฟัน,แปรงล้างห้องน้ำ,แปรงขัดโถส้วม,ขวดน้ำยาล้างห้องน้ำ
  1. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น หลอดไฟ,ตลับหมึก,เครื่องพิมพ์ 
  1. อื่นๆ เช่น ยางรถยนต์,ฟิล์มถ่ายรูป,บัตรพนักงาน,บัตร ATM,ฟิล์มเอ็กซ์เรย์,อุปกรณ์เครื่องเซ่นไหว้,อุปกรณ์กีฬา เช่น ลูกกอล์ฟ ลูกเทนนิส ลูกขนไก่ ลูกบอลชนิดต่าง ๆ เป็นต้น 

นี่เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของขยะกำพร้าที่เราทุกคนมีส่วนสร้างให้เกิดขึ้น เราสามารถช่วยแบ่งเบาภาระการจัดการขยะกำพร้าเหล่านี้ได้ ด้วยการพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ให้มากที่สุด หากจำเป็นต้องใช้ให้แยกขยะกำพร้าออกจากขยะที่ย่อยสลายได้ และขยะรีไซเคิล โดยเฉพาะขยะพิษต้องแยกออกไว้อย่างชัดเจน หาข้อมูลแหล่งรับซื้อขยะกำพร้า ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการขยะอุตสาหกรรมโดยรับขยะที่ติดไฟได้และตัดให้ขาดได้ไปทำเชื้อเพลิงทดแทนถ่านหิน ส่วนขยะกำพร้าอื่น ๆ ขอให้คัดแยกไว้ให้ชัดเจนเพื่อที่หน่วยงานกำจัดขยะจะได้นำไปจัดการต่อได้ง่ายขึ้น

โรคนิ้วล็อคคืออะไร ใครมีความเสี่ยงบ้าง

โรคนิ้วล็อคคืออะไร ใครมีความเสี่ยงบ้าง

ปัจจุบันโรคนิ้วล็อคจัดได้ว่าเป็นโรคยอดฮิตที่พบได้ทั่วไปที่ใครก็เป็นได้ แม้อาการจะไม่ร้ายแรงแต่ส่งผลกระทบกับการปฏิบัติภารกิจในชีวิตประจำวันได้อย่างมีนัยสำคัญ เป็นหนึ่งในกลุ่มของโรคออฟฟิศซินโดรม ลักษณะของโรคเป็นอย่างไร ใครมีความเสี่ยงบ้างไปดูกัน

โรคนิ้วล็อค เป็นอาการที่นิ้วมือถูกล็อคไว้ไม่สามารถยืดเหยียดตรงได้ตามปกติ เกิดขึ้นบริเวณปลอกเอ็นตรงข้อโคนนิ้วมือหนาตัวขึ้น เอ็นบวม ปลอกรัดเอ็นบีบรัดมากขึ้น ทำให้มีอาการปวด และยึดข้อนิ้วจนไม่สามารถเหยียดตึงได้ตามปกติ ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงวัยกลางคนอายุช่วง 40-50 ปี โดยแบ่งอาการออกเป็น 4 ระยะดังนี้

ระยะที่ 1 มีอาการปวดบริเวณโคนนิ้ว เมื่อลองหงายมือแล้วกดบริเวณโคนนิ้วจะปวด และปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังไม่มีอาการสะดุดขณะงอหรือเหยียดนิ้วมือ

ระยะที่ 2 อาการปวดเพิ่มมากขึ้น เริ่มรู้สึกสะดุด เหยียดนิ้วได้ยากไม่ลื่นไหลตามปกติ บางครั้งต้องฝืนดีดนิ้วออก เป็น ๆ หาย ๆ

ระยะที่ 3 อาการปวดยังคงทวีเพิ่มขึ้น เกิดอาการยึดล็อคไม่สามารถเหยียดนิ้วมือด้วยมือข้างเดียวได้ ต้องใช้อีกมือช่วยแกะออก ขณะแกะจะปวดมากขึ้น

ระยะที่ 4 มีอาการบวม อักเสบ นิ้วมืองอล็อคติดไม่สามารถเหยียดออกเองได้ เมื่อใช้อีกมือพยายามแกะออกจะเจ็บปวดมาก ซึ่งไม่ควรปล่อยให้อาการถึงระดับนี้จึงมาพบแพทย์

ใครที่มีความเสี่ยงกับโรคนิ้วล็อคบ้าง

กลุ่มคนทำงานออฟฟิศ ที่ต้องใช้งานสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ ที่มีการใช้นิ้วสัมผัสที่จะอยู่ในท่างอนิ้วมือต่อเนื่องนาน ๆ ทำให้ขาดการขยับเคลื่อนไหวให้เป็นไปตามธรรมชาติ

กลุ่มคนทำงานที่ใช้งานมือและนิ้วมือหนัก ๆ เช่น พนักงานแปล ข่าวบอล ผ่านเว็บไซต์,คนที่ต้องหิ้วของหนัก ๆ,ชาวสวน,งานช่างไม้,ทันตแพทย์,นักกอล์ฟ,แม่บ้าน,งานที่ต้องจับต้องกับแรงสั่นสะเทือนโดยตรง,การซักผ้าด้วยมือ และอาชีพอื่นๆที่เน้นการใช้มือหนัก ๆ บ่อย ๆ ต่อเนื่องนาน ๆ

กลุ่มที่เป็นโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ได้แก่ โรคเก๊าท์ รูมาตอยด์ เบาหวาน โรคไต เป็นต้น

ในทุกวันที่เราใช้งานนิ้วมือหนักๆ ให้ใส่ใจบริหารนิ้วมือเป็นระยะ ๆ หรือแช่น้ำอุ่นพร้อมบริหารนิ้ว เพื่อช่วยให้ความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อยังคงทำงานได้ตามปกติ หากพบอาการผิดปกติแม้แต่น้อยให้เร่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้งานนิ้วมือ อาจต้องมีการปรับสลับหน้างานให้ได้พักนิ้วมือบ้าง หรือใช้อุปกรณ์ช่วยลดภาระนิ้วมือ การรู้ทันโรคเสียแต่เนิ่น ๆ ช่วยทำให้อาการไม่ไปต่อถึงระดับเป็นโรคที่ต้องเข้าร้บการรักษาด้วยยา หรือการผ่าตัด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อร่างกายส่วนอื่น รวมถึงสูญเสียงบประมาณในการรักษาด้วย

9 วิธีคลายเครียดระหว่างวันสำหรับพนักงานออฟฟิศ

วิธีคลายเครียดระหว่างวันสำหรับพนักงานออฟฟิศ

เราทุกคนเคยผ่านสนามความเครียด และมันเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาหายขาดได้ เราจึงต้องเรียนรู้วิธีขจัดมันอย่างฉลาดรวดเร็วเพื่อไม่ให้ตะกอนความเครียดสะสมเป็นฟองน้ำซับสร้างสารพัดโรคให้เกิดขึ้น เราจะจัดการกับมันได้อย่างไรบ้างมี 9 เทคนิคมามอบให้มนุษย์ออฟฟิศลองทำดู ดังนี้

หยุดเผชิญหน้ากับความเครียดสักพัก เพราะมนุษย์ไม่ใช่หุ่นยนต์ เมื่อเครียดให้ตั้งหลักด้วยการเปลี่ยนอิริยาบถ ย้ายตัวเองออกไปหาบรรยากาศใหม่ๆ ลุกเดินออกไปไกลๆ, เดิน-ขึ้นลงบันไดให้เหงื่อซึมก็ได้ผลดี หรือออกไปมองต้นไม้ใบหญ้าเขียว ๆ ยิ้มบริหารหน้าปลุกฮอร์โมนสุขให้ตื่น

สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆเพิ่มออกซิเจนในสมอง ฝึกหายใจเข้าทางจมูกดึงให้ลึกที่สุดแล้วกลั้นหายใจไว้ 10 วินาที จากนั้นปล่อยลมออกทางปากช้า ๆจนสุด ทำซ้ำแบบนี้ 10 ครั้ง เทคนิคนี้ยังช่วยให้หน้าเด็กอีกด้วย ฝึกทำให้เป็นนิสัยดีสุขภาพกายใจสดใสแน่นอน

โยคะ 5 นาที ปลดปล่อยความหนัก ความรั้ง ตึง บนใบหน้า ปวดล้าบ่า-ไหล่ด้วยโยคะท่าง่าย เช่น การยืนเอามือเกาะพนักเก้าอี้แล้วยกขาชี้ไปด้านหลัง, การยกแขนเปิดรักแร้ขึ้นแล้วเอามืออ้อมไปจับกับอีกมือทางด้านหลังช่วยกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองให้ไหลเวียน,บริหารหน้าทำหน้าเบี้ยวไปมาเหลือบตาขึ้นลง-ซ้ายขวา,ก้มลงเอามือแตะปลายเท้าส่งออกซิเยนไปเลี้ยงสมอง เป็นต้น

กลิ่นหอมอโรม่า หาอโรม่ารูปแบบที่เหมาะกับโต๊ะทำงาน เลือกกลิ่นหอมอ่อน ๆ สร้างความผ่อนคลาย

เพลงบรรเลงเบา ๆ ใส่หูฟังเปิดพลงบรรเลงเบาๆ ช่วยให้สงบเย็น ผ่อนคลาย

กินช็อกโกแลตดำ (Dark Chocolate) ช็อกโกแล็ตดำช่วยคลายเครียด มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก กินแล้วไม่อ้วน และยังดีต่อสุขภาพโดยรวมด้วย

ลุกไปทักทายเพื่อนร่วมงานต่างแผนก เป็นการย้ายจุดโฟกัสไปที่เรื่องอื่น ให้สมองได้พักสักครู่ ชวนเพื่อนพูดคุย เฮฮาพอสังเขปแล้วกลับมาจัดการงานต่อ

ขอคำปรึกษาหาทางออก เมื่อคลายเครียดด้วยตัวเองไม่ได้ผลก็ต้องหาตัวช่วยด้วยการขอความรู้ คำแนะนำจากคนที่มีประสบการณ์มากกว่าช่วยให้คลี่คลาย พบทางออกได้ง่าย และเร็วขึ้น

ช่างหัวมันเสียบ้าง ไม่มีใครสมบูรณ์พร้อมไปทุกอย่าง ทุกสิ่งล้วนมีสำเร็จ มีผิดพลาด มีล้ม มียืน เมื่อทำดีที่สุดแล้วให้บอกตัวเองว่า “ช่างมัน” ยอมรับในความผิดพลาดนั้น แล้วหาทางปรับปรุงในครั้งต่อไป ด

ความเครียดไม่ใช่ศัตรูตัวร้ายที่จะเกาะกุมชีวิตเราไปกาล หากเรามีสติตั้งรับ รู้ตัวให้เร็วแล้วเร่งกำจัดมันเสียความเครียดก็จะกลายเป็นโรคอายุสั้นที่เพียงผ่านมาแล้วผ่านไป จงใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังเรียนผูกต้องเรียนแก้ให้เป็น ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจงฝึกฝนตัวเองให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างคนที่มีปัญญา