6 เคล็ดลับสมัครงานให้ได้งานทำในยุคโควิด

6 เคล็ดลับสมัครงานให้ได้งานทำในยุคโควิด

ตลาดงานระส่ำระสายอย่างหนักในช่วงวิกฤตโควิด-19 ผู้คนจำนวนมากได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า เรียกได้ว่าทุกเส้นทางอาชีพแทบจะปิดตายสำหรับเด็กจบใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ หรือแม้แต่คนที่วางแผนเปลี่ยนอาชีพจำเป็นต้องยื่นใบสมัครหางานใหม่ในช่วงนี้ ทำอย่างไรถึงมีโอกาสได้งาน มีเคล็ดลับดี ๆ มาฝากกันดังนี้

1.สถานการณ์โควิดฉุดตลาดงานอยู่ในช่วงขาลง หลายสาขาอาชีพได้รับผลกระทบ คนจำนวนมากตกงาน แต่หลายสายงานยังคงแข็งแกร่งอยู่ หากกำลังมองหางานอยู่ในตอนนี้ควรประเมินทักษะความสามารถของตนเองและ ลงทะเบียนรับการแจ้งเตือนประกาศหางานทางอินเทอร์เน็ต หมั่นเช็กกล่องจดหมายทุกวันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสมัครงานใหม่

2.อัปเดตประวัติส่วนตัวให้โดดเด่นน่าสนใจ เน้นคุณสมบัติตรงกับตำแหน่งงานที่สมัคร ซึ่งจะช่วยให้เข้าตากรรมการ เทคนิคการเขียนใบสมัครให้ฝ่ายบุคคลสนใจเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์ควรใช้รูปแบบอักษรที่เรียบร้อยอ่านง่าย ใบสมัครงานหน้าแรกมีประวัติย่อที่เน้นข้อมูลความสำเร็จที่เด่นชัดกว่าหน้าที่หรือความรับผิดชอบ ระบุคุณสมบัติที่เหมาะสมกับองค์กรและตำแหน่งที่สมัคร มีข้อความคำรับรองสั้น ๆ จากนายจ้างเดิมหรือบุคคลที่น่าเชื่อถือทำให้โปรไฟล์ส่วนตัวโดดเด่นกว่าคู่แข่งอื่น ๆ

3.พัฒนาทักษะและวิชาชีพ อาศัยจังหวะว่างในช่วงสถานการณ์โควิดเรียนเสริมทักษะที่จำเป็นเพื่อเพิ่มคุณสมบัติของตนเองให้เหมาะกับงานใหม่ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ใหม่ ๆ หลักสูตรระยะสั้น สอบใบอนุญาต หรือพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสิ่งที่จำเป็นสำหรับสายงานใหม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน

4.ฝึกฝนทักษะการสัมภาษณ์เตรียมความพร้อมสำหรับการสัมภาษณ์ในอนาคต ควรเตรียมเอกสารประวัติส่วนตัวให้ใกล้ตัวและพร้อมเสมอสำหรับการสัมภาษณ์ทางออนไลน์ ฝึกพูดกับหน้ากล้องและจัดฉากพื้นหลังให้ดูเรียบร้อยสะอาดตา ไม่มีเสียงรบกวน

5.อัปเดตโปรไฟล์ที่น่าเชื่อถือในสื่อสังคม นายจ้างยุคใหม่มีแนวโน้มเช็กโปรไฟล์ของผู้สมัครและการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ต หากมีโปรไฟล์ส่วนตัวที่ดี มีทัศนคติด้านบวกโพสต์สิ่งดี ๆ ไม่ประจานเพื่อนร่วมงานหรือประณามที่ทำงาน ไม่มีเรื่องสุ่มเสี่ยงหรือข้อมูลด้านลบ ไม่เปลี่ยนงานบ่อย จึงจะมีคุณสมบัติดึงดูดความสนใจจากกรรมการและตัดสินได้ว่าเหมาะที่จะมาร่วมงานกับบริษัทหรือไม่

6.เป็นอาสาสมัครเพื่อแสวงหาประสบการณ์และช่วยให้ประวัติส่วนตัวน่าสนใจมากขึ้น อาศัยโอกาสในปัจจุบันมีส่วนร่วมกับโครงการระดมความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ การเป็นอาสาสมัครอาจเพิ่มเติมทักษะพิเศษ มีความรู้ใหม่ ๆ หรือเปิดสู่เส้นทางอาชีพใหม่ มีความกระตือรือร้นที่จะได้รู้จักเพื่อนใหม่และมีความสามารถเชิงสร้างสรรค์จากการทำกิจกรรมหรือเป็นผู้นำกลุ่ม การเป็นอาสาสมัครยังรวมถึงการฝึกงานทำให้มีโอกาสได้งานมากขึ้นด้วย

ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้คนถูกเลิกจ้าง คนเปลี่ยนงาน จำนวนคนตกงานสะสมเพิ่มขึ้น การหางานในช่วงนี้ลำบากมาก โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ จึงมีความจำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม เตรียมทุกอย่างให้พร้อมรวมถึงการปรับตัวใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์กับระบบการทำงานทางไกลเพื่อสร้างความโดดเด่นและแข่งขันให้ชนะคู่แข่งจำนวนมากมาย

Work from Home อย่างไรให้ประหยัดค่าไฟ ไม่เปลืองเงินในกระเป๋า

Work from Home อย่างไรให้ประหยัดค่าไฟ ไม่เปลืองเงินในกระเป๋า

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตหลายอย่าง โดยเฉพาะด้านการทำงาน เพราะจากที่เคยนั่งรถไปทำงานที่ออฟฟิศ แต่เดี๋ยวนี้กลับต้องนั่งทำงานที่บ้าน เรียกได้ว่าอยู่แต่บ้านทั้งวัน จนเป็นสาเหตุทำให้ค่าไฟพุ่งสูง จนหลายคนถึงกับบ่นอุบ และสำหรับใครที่เจอปัญหานี้ก็เตรียมบอกลาปัญหาได้เลย เพราะมีเทคนิคสุดเจ๋งที่ช่วยให้ Work from Home แบบประหยัดค่าไฟ ไม่ต้องกังวลว่าจะเปลืองเงินในกระเป๋า

นั่งทำงานในที่ที่มีแสงธรรมชาติเข้าถึง
แสงสว่างมีความสำคัญมากในการทำงาน เพราะแสงสว่างเพียงพอจะส่งผลดีต่อสุขภาพ ลดอาการเพ่ง และลดปัญหาด้านสายตาในอนาคต เพราะฉะนั้นควรเลือกมุมทำงานที่มีแสงสว่างเข้าถึง ที่สำคัญการได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติยังทำให้ประหยัดไฟ เพราะไม่จำเป็นต้องเปิดไฟตลอดเวลา ดังนั้น ใครรู้ตัวว่าทำงานในที่ที่แสงสว่างไม่เพียงพอ แนะนำให้เปลี่ยนตำแหน่งโต๊ะทำงานโดยด่วน

เปิดแอร์คู่กับพัดลมประหยัดกว่าเยอะ
แม้มีการรณรงค์ให้เปิดแอร์ที่ความเย็น 25 องศาเซลเซียส แต่รู้หรือไม่ว่าการเปิดแอร์คู่กับการเปิดพัดลมจะช่วยประหยัดไฟยิ่งกว่า หากปกติตั้งอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ให้ลองเปลี่ยนอุณหภูมิเป็น 26 องศาเซลเซียส และเปิดคู่กับพัดลม ซึ่งวิธีนี้ทำให้ประหยัดค่าไฟมากถึง 10 เปอร์เซ็นต์ หรือหากต้องการประหยัดสุด ๆ ควรเลือกมุมทำงานที่อากาศถ่ายเทดี เพราะหากอยู่ในที่อากาศถ่ายเทสะดวกจะทำให้ไม่ร้อน เปิดพัดลมเพียงตัวเดียวก็เพียงพอ

ลองเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED
แม้ว่าหลอดไฟ LED จะมีราคาแพงกว่า แต่สามารถประหยัดไฟได้ดีกว่าหลอดไฟธรรมดา อีกทั้งยังให้แสงสว่างมากกว่า ดังนั้น เมื่อต้องอยู่บ้านตลอดทั้งวัน แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ลงทุนครั้งเดียวแต่ใช้งานคุ้มค่า นอกจากนี้ ช่วงเวลาพักเบรกหรือพักเที่ยง ควรปิดไฟและถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานด้วย

อย่ามองข้ามการใช้งาน Sleep Mode
คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก ถือเป็นอุปกรณ์จำเป็นอย่างยิ่งในการ Work from Home และเป็นอุปกรณ์ที่ต้องเปิดตลอดทั้งวัน แต่เชื่อเถอะว่าบางครั้งคอมพิวเตอร์ไม่ได้ถูกใช้งานตลอดเวลา การเลือกใช้งาน Sleep Mode จึงเป็นตัวช่วยประหยัดพลังงานได้ และนอกจากทำให้ประหยัดค่าไฟแล้วยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่ นอกจากนี้อย่าลืมตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านให้พร้อมใช้งานเสมอ เพราะหากอุปกรณ์เก่าหรือเสื่อมสภาพ ย่อมกินกำลังไฟมากกว่าอุปกรณ์ที่ยังใช้งานได้ดี

เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่รู้จะคลี่คลายไปในทิศทางดีขึ้นเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นหลายคนอาจต้อง Work from Home กันแบบยาว ๆ และเพื่อไม่ให้ต้องปวดหัวกับค่าไฟ อย่าลืมนำเทคนิคประหยัดไฟเหล่านี้ไปใช้ รับรองว่าค่าไฟจะไม่รบกวนเงินในกระเป๋าแน่นอน