Work from Home อย่างไรให้ประหยัดค่าไฟ ไม่เปลืองเงินในกระเป๋า

Work from Home อย่างไรให้ประหยัดค่าไฟ ไม่เปลืองเงินในกระเป๋า

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตหลายอย่าง โดยเฉพาะด้านการทำงาน เพราะจากที่เคยนั่งรถไปทำงานที่ออฟฟิศ แต่เดี๋ยวนี้กลับต้องนั่งทำงานที่บ้าน เรียกได้ว่าอยู่แต่บ้านทั้งวัน จนเป็นสาเหตุทำให้ค่าไฟพุ่งสูง จนหลายคนถึงกับบ่นอุบ และสำหรับใครที่เจอปัญหานี้ก็เตรียมบอกลาปัญหาได้เลย เพราะมีเทคนิคสุดเจ๋งที่ช่วยให้ Work from Home แบบประหยัดค่าไฟ ไม่ต้องกังวลว่าจะเปลืองเงินในกระเป๋า

นั่งทำงานในที่ที่มีแสงธรรมชาติเข้าถึง
แสงสว่างมีความสำคัญมากในการทำงาน เพราะแสงสว่างเพียงพอจะส่งผลดีต่อสุขภาพ ลดอาการเพ่ง และลดปัญหาด้านสายตาในอนาคต เพราะฉะนั้นควรเลือกมุมทำงานที่มีแสงสว่างเข้าถึง ที่สำคัญการได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติยังทำให้ประหยัดไฟ เพราะไม่จำเป็นต้องเปิดไฟตลอดเวลา ดังนั้น ใครรู้ตัวว่าทำงานในที่ที่แสงสว่างไม่เพียงพอ แนะนำให้เปลี่ยนตำแหน่งโต๊ะทำงานโดยด่วน

เปิดแอร์คู่กับพัดลมประหยัดกว่าเยอะ
แม้มีการรณรงค์ให้เปิดแอร์ที่ความเย็น 25 องศาเซลเซียส แต่รู้หรือไม่ว่าการเปิดแอร์คู่กับการเปิดพัดลมจะช่วยประหยัดไฟยิ่งกว่า หากปกติตั้งอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ให้ลองเปลี่ยนอุณหภูมิเป็น 26 องศาเซลเซียส และเปิดคู่กับพัดลม ซึ่งวิธีนี้ทำให้ประหยัดค่าไฟมากถึง 10 เปอร์เซ็นต์ หรือหากต้องการประหยัดสุด ๆ ควรเลือกมุมทำงานที่อากาศถ่ายเทดี เพราะหากอยู่ในที่อากาศถ่ายเทสะดวกจะทำให้ไม่ร้อน เปิดพัดลมเพียงตัวเดียวก็เพียงพอ

ลองเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED
แม้ว่าหลอดไฟ LED จะมีราคาแพงกว่า แต่สามารถประหยัดไฟได้ดีกว่าหลอดไฟธรรมดา อีกทั้งยังให้แสงสว่างมากกว่า ดังนั้น เมื่อต้องอยู่บ้านตลอดทั้งวัน แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ลงทุนครั้งเดียวแต่ใช้งานคุ้มค่า นอกจากนี้ ช่วงเวลาพักเบรกหรือพักเที่ยง ควรปิดไฟและถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานด้วย

อย่ามองข้ามการใช้งาน Sleep Mode
คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก ถือเป็นอุปกรณ์จำเป็นอย่างยิ่งในการ Work from Home และเป็นอุปกรณ์ที่ต้องเปิดตลอดทั้งวัน แต่เชื่อเถอะว่าบางครั้งคอมพิวเตอร์ไม่ได้ถูกใช้งานตลอดเวลา การเลือกใช้งาน Sleep Mode จึงเป็นตัวช่วยประหยัดพลังงานได้ และนอกจากทำให้ประหยัดค่าไฟแล้วยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่ นอกจากนี้อย่าลืมตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านให้พร้อมใช้งานเสมอ เพราะหากอุปกรณ์เก่าหรือเสื่อมสภาพ ย่อมกินกำลังไฟมากกว่าอุปกรณ์ที่ยังใช้งานได้ดี

เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่รู้จะคลี่คลายไปในทิศทางดีขึ้นเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นหลายคนอาจต้อง Work from Home กันแบบยาว ๆ และเพื่อไม่ให้ต้องปวดหัวกับค่าไฟ อย่าลืมนำเทคนิคประหยัดไฟเหล่านี้ไปใช้ รับรองว่าค่าไฟจะไม่รบกวนเงินในกระเป๋าแน่นอน