อานิสงส์ของการสวดมนต์

อานิสงส์ของการสวดมนต์

เมื่อพบทุกข์จึงเห็นธรรม คนส่วนใหญ่จะมีโอกาสเข้าวัด ฟังธรรม สวดมนต์ เพื่อน้อมนำธรรมอันเป็นหลักคำสอนขององค์พระพุทธเจ้ามาเป็นหลักยึดก็ต่อเมื่อเกิดความไม่สบายกายใจ การสวดมนต์จึงเป็นเครื่องมือเหนี่ยวนำจิตใจที่จะนำพาให้คนทุกข์เกิดปัญญา เกิดความเข้าใจในเหตุแห่งทุกข์ได้ สวดมนต์แล้วได้อานิสงส์อย่างไรกับชีวิตบ้าง

เกิดสมาธิ สิ่งแวดล้อมในสถานที่ และเวลาสวดมนต์มีอิทธิพลให้เรานิ่งมีสมาธิแล้วระดับหนึ่ง และเมื่อเริ่มสวดใจที่จดจ่อกับบทสวดตรึงให้จิตนิ่งนานจนเกิดสมาธิ ตามมาด้วยความสงบ เยือกเย็น ไม่ดิ้นรน ไม่เดือดร้อน มีความปิติเกิดขึ้น

ลดความเครียด เมื่อจิตเป็นสมาธิ ร่างกายตั้งหลักได้สมองจะค่อยคลาย กายที่ยึดเกร็งก็จะผ่อนอ่อนลง สวดให้นานพอความเครียด กังวลจะค่อยๆ หายไปโดยไม่รู้ตัว และจะมองปัญหาไปในทางบวกมากขึ้น จะเห็นเป็นโจทย์ที่ต้องค่อยๆ แก้ไขหาทางออกแทนการคิดวนไปมา

รู้จักปล่อยวาง และอภัย เมื่อใจสงบเย็นลง รู้และเข้าใจในเหตุของทุกข์ ตลอดจนความเข้าใจในข้อธรรมจะช่วยปลดใจให้ว่าง และวางลงได้ เมื่อสติเข้ามาแทนที่ การยึดติดคิดแค้นจะค่อยๆหมดไปเปลี่ยนเป็นการวางเฉย แจ่มใส และอภัยได้ในที่สุด

น้อมนำคำสอนมาประพฤติปฏิบัติ ไม่เพียงจิตที่สงบแต่ข้อธรรมคำสอนยังปลุกให้ฉุกคิด คล้อยตาม ศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้รู้ถ่องแท้ ลงมือปฏิบัติจนเกิดผลดีต่อการดำเนินชีวิต เช่น การปฏิบัติตามหลักศีล 5 อย่างเคร่งครัด เป็นต้น พาตนเองออกจากการสร้างทุกข์ให้ตนและผู้อื่น

เปิดโอกาสให้เข้าถึงครูบาอาจารย์ และสังคมบริสุทธิ์ เมื่อสวดมนต์ไปถึงระดับหนึ่งจิตอันเบิกบานจะทำให้ได้มีโอกาสเข้าสังคมกับผู้ปฏิบัติเช่นเดียวกัน และได้พบกับผู้ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางธรรมนำทางสู่การปฏิบัติที่ถูกทาง มีความแข็งแกร่งในทางธรรมมากขึ้น รักษาสมดุลชีวิตได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

สุขภาพจิตและกายแข็งแรง สวดมนต์เป็นประจำทุกวัน เท่ากับเป็นการฝึกสมาธิ สร้างความผ่อนคลายจนเป็นนิสัย ทำให้สภาพจิตใจไม่เป็นพิษ ไม่มีความตึงเครียดส่งผลให้ระบบการทำงานของร่างกายเป็นปกติ ไม่เปิดช่องให้โรคภัยโจมตีได้นั่นเอง

เป็นคนน่าคบ สวดมนต์ฟังธรรมจะมีจิตใจอ่อนโยน เปี่ยมเมตตา ใจเย็น ทำให้เป็นที่รักของผู้อื่น และยังมีส่วนสร้างความเย็นใจให้กับผู้อื่นด้วย

การสวดมนต์สามารถเริ่มต้นทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน เป็นหนทางในการเยียวยาจิตใจได้ทุกวันก่อนนอน หรือในเวลาที่สะดวก ไม่ว่าจะพบเจอเหตุการณ์ลำบากเพียงใดขอให้มีจิตใจที่สงบ มีสติ มั่นคงเราจะสามารถผ่านพ้นทุกอุปสรรคไปได้ด้วยจิตที่เป็นปกติ ให้การสวดมนต์เป็นเข็มทิศนำชีวิตสู่แสงสว่างอย่างแท้จริง

ลักษณะการพูดที่ไม่ควรแสดงออกกับใคร

ลักษณะการพูดที่ไม่ควรแสดงออกกับใคร

การพูดนำพาให้ชีวิตประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลวได้พอๆกัน การไม่ระวังคำพูดประหนึ่งเปล่งให้ดังไว้ฟังรื่นหูคนเดียวทำให้ชีวิตพังได้ มาสำรวจตัวเองกันหน่อยว่าใครมีลักษณะการพูดเหล่านี้บ้าง ถ้าพบในตัวเตรียมพบกับความพังได้เลยเพราะจะไม่มีใครอยากฟังคุณ

9 ลักษณะการพูดที่คนไม่อยากฟัง

พูดโม้โอ้อวด มุ่งแต่จะบอกเล่าเรื่องราวโดดเด่นของตัวเองโดยไม่ระวังว่าจะอยู่ในความสนใจของคู่สนทนาหรือไม่ เช่น อวดชื่อเสียง ฐานะทางการเงิน การได้รับรางวัล การได้รู้จักคนดัง นอกจากจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกด้อยค่าแล้ว ยังทำให้การสนทนาน่าเบื่อหน่ายนำสู่การเร่งให้จบการสนทนาโดยเร็ว

ไม่ให้เกียรติคู่สนทนา กล่าวคำพร้อมแสดงอาการที่บ่งบอกว่าไม่เชื่อคำพูดของคู่สนทนา ตัวอย่างคำพูด เช่น จริงเหรอที่ได้ยินมาไม่ใช่แบบนี้นะ, ไม่น่าจะใช่มั้ง ฯลฯ คู่สนทนาจะเสียความรู้สึก เหมือนถูกหักหน้าในที่สาธารณะ

พูดไม่สบตา ขณะพูดหลบตาไปโฟกัสจุดอื่น ผู้ฟังจะรู้สึกว่าผู้พูดไม่ให้ความสำคัญ ไม่ใส่ใจ และไม่แน่ใจว่าผู้พูดเต็มใจที่จะพูดคุยกับตนหรือไม่ ในบางสถานการณ์อาจทำให้ผู้ฟังรู้สึกเป็นส่วนเกิน

พูดแทรกกลาง ไม่รู้กาลเทศะไม่รอให้อีกฝ่ายพูดให้จบนึกอยากจะพูดก็แทรกกลางทันที อดทนรอไม่เป็นมีโอกาสสร้างความหงุดหงิดให้กับวงสนทนาจนถึงขั้นการสนทนาล่มได้ง่าย ๆ

ประชดประชัน ไม่พูดตรงไปตรงมา ไม่บอกเหตุผลหรือความต้องการที่แท้จริง ใช้คำพูดเหน็บแนมทิ่มแทงอีกฝ่าย ทำให้ไม่ทราบความต้องการที่แท้จริง ง่ายต่อการขัดแย้ง

แสดงอำนาจ ออกอาการข่มขู่ด้วยเสียง สายตา และท่าทางที่คล้ายจะบังคับให้ผู้ฟังเห็นด้วย หรือต้องปฏิบัติตาม

พูดไทยคำอังกฤษคำ พูดสลับภาษาไทย อังกฤษมากจนน่ารำคาญ แสดงตัวว่าอยู่เหนือคนอื่น ทำให้ผู้ฟังหมั่นไส้และไม่อยากสนทนาต่อ สื่อสารล้มเหลว เข้าใจคลาดเคลื่อน คำทับศัพท์ภาษาอังกฤษพูดได้แต่อาจต้องขยายความเป็นภาษาไทยควบคู่ไปด้วย

กระโชกโฮกฮากมะนาวไม่มีน้ำ พูดจาไม่มีคำขึ้นต้นลงท้าย เช่น ครับผม คะ ขา, น้ำเสียงขาดความอ่อนโยน, มีความมั่นใจสูง ไม่แคร์สังคม อย่าลืมว่าเมื่อเราไม่แคร์สังคม สังคมก็ไม่จำเป็นต้องต้อนรับเรา

พูดนินทา ให้ร้ายคนอื่น คนที่ชอบนำเรื่องคนอื่นมาพูดคุยเป็นคนคบไม่ได้ จะไม่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากคนฟัง ไม่อยากร่วมสนทนาด้วยนาน ๆ เพราะอาจจะถูกมองไม่ดีไปด้วย

ฝึกพูดให้ดีเป็นศรีแก่ปากจะพูดน้อยพูดมากขอให้ฝึกพูดให้เป็น อย่าดับอนาคตตัวเองด้วยคำพูด เอาใจเขามาใส่ใจเราอยากให้คนอื่นพูดกับเราอย่างไร คนอื่นก็คงอยากให้เราพูดด้วยอย่างนั้นเช่นกัน

ข้อควรรู้ก่อนเป็นเจ้าของรถไฟฟ้า EV

ข้อควรรู้ก่อนเป็นเจ้าของรถไฟฟ้า EV 100%

ปี 2022 ถือเป็นปีที่กระแสรถไฟฟ้าในประเทศไทยมาแรงมาก ภายหลังจากค่ายรถยนต์ต่างออกมาประกาศว่าจะหยุดการผลิตรถใช้น้ำมันในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ รวมถึงราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้รถไฟฟ้าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยวันนี้จะมาบอกถึงข้อควรรู้สำหรับใครที่กำลังสนใจจะซื้อรถไฟฟ้าเพื่อที่จะได้ศึกษาหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะถือว่ารถไฟฟ้าเป็นสิ่งใหม่ที่กำลังจะเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้

1.กระแสไฟที่บ้านเพียงพอหรือไม่ – ก่อนที่จะซื้อรถไฟฟ้าจะต้องทำการตรวจสอบกระแสไฟฟ้าที่บ้านก่อนว่ามีเพียงพอหรือไม่ เพราะโดยมาตรฐานที่การไฟฟ้ากำหนดมาสำหรับคนที่จะซื้อรถไฟฟ้าหากต้องการติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าไว้ที่บ้านจะต้องมีขนาดมิเตอร์อย่างน้อย 30(100)A สำหรับ Single-Phase และ 15(45)A สำหรับไฟ 3 Phase

2.ระยะทางไกลสุดที่ทำได้ต่อการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง – หากคุณเป็นคนที่ต้องเดินทางไกล เน้นการขับออกต่างจังหวัดหรือระยะทางไกล ๆ จะต้องพิจารณารถที่สามารถชาร์จไฟเพียงครั้งเดียวทำระยะทางได้มากกว่า 300 กิโลเมตรขึ้นไป แต่ถ้าเน้นขับขี่ในเมืองเพื่อไปทำงานด้วยระยะทางใกล้ ๆ ไม่เกิน 20-30 กิโลเมตร อาจเลือกรถที่สามารถชาร์จไฟเพียงครั้งเดียวและทำระยะทางได้ 100-120 กิโลเมตรเป็นอย่างน้อย เพราะหากนำรถที่วิ่งระยะทางใกล้ออกต่างจังหวัดอาจประสบปัญหาในเรื่องของสถานีชาร์จก็เป็นได้ เพราะปัจจุบันประเทศไทยยังมีปริมาณสถานีชาร์จจำกัดอยู่และรถที่วิ่งได้ไกลราคาก็จะค่อนข้างสูงกว่ามาก

3.ระยะเวลาในการชาร์จ – หลังจากที่ตรวจสอบในเรื่องของระยะทางที่รถไฟฟ้าทำได้ อย่าลืมที่จะตรวจสอบในเรื่องของระยะเวลาในการชาร์จด้วย เพราะระยะเวลาในการชาร์จรถไฟฟ้ามีผลต่อการวางแผนในการเดินทางหรือการใช้ชีวิตประจำวัน แม้รถไฟฟ้าจะมี 2 โหมดให้ใช้งาน นั่นคือโหมดชาร์จเร็ว กับโหมดชาร์จปกติ ซึ่งโหมดชาร์จเร็วจะเป็นในส่วนของสถานีชาร์จใช้กระแสไฟฟ้าแบบ DC เวลาสูงสุดไม่เกิน 60 นาที ในขณะที่โหมดชาร์จปกติจะเป็นการชาร์จในส่วนของไฟบ้านที่ใช้กระแสไฟฟ้าแบบ AC ซึ่งกินระยะมากถึง 6-8 ชั่วโมง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดความจุของแบตเตอรี่, กิโลวัตต์-ชั่วโมงและปริมาณกระแสไฟของสถานที่ชาร์จด้วย

4.หัวชาร์จในแบบต่าง ๆ – รถไฟฟ้าแต่ละยี่ห้อจะมีหัวชาร์จที่แตกต่างกัน ซึ่งผู้ที่สนใจจะซื้อต้องตรวจสอบให้ดีว่าหัวชาร์จของตนเองเป็นแบบใด เพราะมีผลต่อสถานีชาร์จหรือการชาร์จไฟรถนอกสถานที่ หากเป็นหัวชาร์จแบบเดี่ยว ๆ อาจมีปัญหาได้ ควรเป็นหัวชาร์จแบบสลับหัวได้ หรือมีที่แปลงหัว ซึ่งจะทำให้ได้รับความสะดวกมากกว่า

5.ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถ – แม้รถไฟฟ้าจะมีการพิสูจน์แล้วว่าประหยัดกว่ารถใช้น้ำมัน แต่อย่าลืมในส่วนของค่าบำรุงดูแลรักษา โดยเฉพาะแบตเตอรี่ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง ถึงแม้ว่าจะมีการพัฒนาและให้การรับประกันนานมากกว่า 5 ปี แต่ถ้าได้เปลี่ยนแบตฯรถไฟฟ้าทีก็อาจต้องทำใจและยอมซื้อรถใหม่ดูจะง่ายกว่า ดังนั้น ควรพิจารณาในเรื่องของค่าใช้จ่ายในส่วนของการบำรุงรักษาด้วย

สำหรับใครที่กำลังมองหารถไฟฟ้าและอยู่ในช่วงของการตัดสินใจ ลองนำ 5 ข้อแนะนำนี้ไปพิจารณาดูว่าการที่จะซื้อรถไฟฟ้ามาใช้งานสักคัน จะคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน เมื่อเทียบกับการใช้งานรถยนต์ที่คาดว่าจะค่อย ๆ หมดจากท้องถนนไม่ช้าก็เร็ว

russian economics

เมื่อเกิดสภาวะเงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยต่ำ ลงทุนอะไรดี ?

เงินเฟ้อ คืออะไร ?

เงินเฟ้อ คือ ความด้อยค่าของค่าเงินหรือการที่ราคาสินค้าและบริการมีการปรับตัวสูงขึ้น เช่น ในอดีตเงิน 100 บาท สามารถซื้อข้าวราดแกงได้ 4 จาน แต่ในปัจจุบันกับซื้อได้เพียง 2 จานเป็นต้น ซึ่งเหตุการณ์นี้เรียกว่าเงินเฟ้อนั่นเอง ซึ่งหากประเทศใดที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในประเทศได้ โดยเฉพาะกำลังซื้อของประชาชนจะลดลง ประชาชนหมดกำลังใจในการทำงานและออมเงิน ส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศได้ นอกจากนี้ ณ ปัจจุบันกำลังมีสงครามโลกระหว่างยูเครนและรัสเซียซึ่งส่งผลให้การเงินดูแย่ลงไปอีก นักลงทุนในผลิตภัณฑ์ออนไลน์เริ่มหนีจากการออมเงินมาลงทุนซื้อเว็บไซต์กลุ่ม สุขภาพ ผลบอลสด888 เว็บวาไรตี้ เพื่อเป็นแหล่งทำรายได้สำรองกันเยอะขึ้นแล้ว

แล้วจะลงทุนอะไรดีในภาวะ เงินเฟ้อ ดอกเบี้ย ต่ำแบบนี้ ?

งินฝากประจำ – เงินฝากประจำที่อยากจะแนะนำคือ เงินฝากประจำ 24 เดือน เพราะให้อัตราดอกเบี้ยประมาณ 1.25-1.75% / ปี สำหรับที่กำลังหัดออมเงินและต้องการสร้างวินัยในการออม เปิดบัญชีฝากประจำเลย โดยมีเงินเริ่มต้นที่ 500 บาท / เดือน ฝากจำนวนเท่า ๆ กันทุกเดือน เป็นระยะเวลา 24 เดือน เมื่อครบกำหนดก็จะทำให้คุณได้รับเงินก้อน เพื่อสามารถที่จะนำไปลงทุนอย่างอื่นเพิ่มเติมหรือให้รางวัลความมีวินัยแก่ตนเอง

อสังหาริมทรัพย์ – ที่ดินน่าจะเป็นสินทรัพย์เดียวที่ราคาค่อนข้างนิ่งและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี แต่ธุรกิจแบบนี้หากไม่มีเงินทุนอาจจะต้องอาศัยการเรียนรู้หรือการผันตนเองเข้าไปเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แทน ก็จะทำให้ตนเองมีประสบการณ์และสามารถพิจารณาถึงทำเล ทิศทาง แนวโน้มของราคาที่ดิน เพื่อประเมินว่าที่ใดจะมีการขยายเมืองหรือมีใครสนใจที่ดินนั้น ๆ ก็ไปดักซื้อไว้ก่อนเพื่อรอขายทำกำไร

ลงทุนในหุ้น – การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงสูง จำเป็นที่นักลงทุนจะต้องศึกษา เรียนรู้ในเรื่องของงบการเงินและกราฟทางเทคนิค เพื่อประเมินถึงมูลค่าที่แท้จริง ทิศทางของราคาได้ จากนั้นค่อยเข้าไปซื้อเพื่อขายเมื่อถึงเวลาที่หุ้นมีราคาปรับตัวสูงขึ้น การลงทุนนี้ไม่เหมาะกับคนที่ไม่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้

ทองคำแท่ง – ทองคำแท่งเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่คนนิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับและในช่วงหลังต่างหันมาซื้อเพื่อเก็งกำไรกันมากขึ้น โดยเฉพาะทองคำแท่ง ในสถานการณ์เงินเฟ้อ สงครามเรามักจะเห็นราคาทองคำปรับตัวขึ้นสูง เพราะทองเป็นสินทรัพย์สากลสามารถนำมาค้ำประกันเงินตราระหว่างประเทศได้ ในภาวการณ์ลงทุนทองคำที่แท้จริง ควรลงทุนในช่วงอัตราเงินเฟ้อต่ำ ดอกเบี้ยสูง เพราะทองจะไม่ให้ดอกเบี้ยแต่จะให้ส่วนต่างเมื่อมีราคาปรับสูงขึ้นเท่านั้น ปัจจุบันทุกคนสามารถลงทุนทองคำแท่งได้ง่าย ๆ เพราะมีการผลิตทองออกมาในรูปแบบของแท่ง, เหรียญ โดยเริ่มที่น้ำหนัก 1 บาท เป็นต้น

ใครที่สนใจจะลงทุนในช่วงภาวะเฟ้อ จะต้องศึกษาและเรียนรู้ในสินทรัพย์ที่จะลงทุนเสียก่อน เพราะทุกสิ่งอย่างมีความเกี่ยวข้องกันกับสภาวะเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วอาจทำให้เงินเก็บที่มีได้รับผลกระทบจนเกิดความเสียหายได้

คู่มือความปลอดภัยในรถยนต์เมื่อเดินทางกับเด็กเล็ก

คู่มือความปลอดภัยในรถยนต์เมื่อเดินทางกับเด็กเล็ก

เด็กเล็กซุกซนไม่ค่อยเข้าใจถึงอันตราย ไม่รู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ระหว่างขับรถมีเด็กนั่งไปด้วยผู้ใหญ่ต้องคอยดูแลความปลอดภัยเพราะเด็กอาจทำสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ เช่น เปิดประตูขณะรถวิ่งแล้วพลัดตกลงไป เผลอกดเซ็นทรัลล็อก เล่นเบรกมือหรือปุ่มต่าง ๆ ในรถยนต์ มีข้อแนะนำในการดูแลเจ้าตัวเล็กที่มักจะซนให้ปลอดภัยทุกเดินทางมาฝากกันดังนี้

1.ติดตั้งคาร์ซีทสำหรับเด็กเล็ก
เด็กตัวเล็กห้ามนั่งตัก ต้องมีคาร์ซีทหรือที่นั่งสำหรับเด็กเล็ก เลือกตามอายุ ส่วนสูงและน้ำหนักตัว เพราะเข็มขัดนิรภัยไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเด็กเล็ก โดยเฉพาะถุงลมนิรภัยที่อาจกระแทกรุนแรงในตำแหน่งที่เป็นอันตรายกับเด็ก ทำให้บาดเจ็บสาหัสหรือถึงตายได้ คาร์ซีทเป็นอุปกรณ์บังคับใช้ในหลายประเทศ ซึ่งบ้านเราเริ่มมีการติดตั้งกันมากขึ้นเพื่อความปลอดภัยของเด็กเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ควรให้ช่างมืออาชีพติดตั้งคาร์ซีทอย่างถูกต้องด้วย เบาะรองนั่งสำหรับเด็กช่วยดูดซับแรงกระแทก และปกป้องศีรษะ คอ และกระดูกสันหลัง ป้องกันการบาดเจ็บในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เด็กที่อายุต่ำกว่า 13 ปีควรนั่งเบาะหลังมีที่นั่งเสริมรัดเข็มขัดนิรภัยจนกว่าจะมีส่วนสูงมากกว่า 145 เซนติเมตร

2.ล็อกประตูป้องกันเด็กเปิดขณะรถวิ่ง
ลูกเล็กวัยกำลังซนมักจะเปิดประตูขณะรถวิ่งด้วยความเร็ว เสี่ยงอันตรายมากหากเจ้าตัวเล็กร่วงลงมากองอยู่กลางถนน มีปุ่มล็อกกันเด็กเปิดประตูด้านหลังรถทั้ง 2 ข้างเพื่อป้องกันเด็กเปิดประตูจากด้านใน ขณะรถยนต์กำลังวิ่ง ควรล็อกเซนทรัลล็อกไว้ทุกครั้ง ควรสอนลูกเล็กเสมอว่าทางรถวิ่งหรือที่จอดรถก็เป็นอันตรายได้ รถคันอื่นที่จอดอยู่โดยไม่ใช้เบรกนิรภัยอาจเคลื่อนได้ตลอดเวลา อย่าเล่นอยู่ใกล้รถที่จอดอยู่ โดยเฉพาะด้านท้ายรถคนอื่นเพราะคนขับอาจมองไม่เห็นและออกรถชนเข้ากับเด็กที่กำลังเล่นอยู่ใกล้รถ

3.อย่าทิ้งเด็กไว้ในรถยนต์
อย่าทิ้งเด็กไว้คนเดียวในรถยนต์แม้จะเข้าไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อเพียงไม่กี่นาทีก็อาจทำให้เด็กเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตหลังจากถูกทิ้งไว้ในรถที่ร้อนจัด อุณหภูมิภายนอก 21 องศาเซลเซียสแต่ภายในรถยนต์ที่ตาดแดดไว้นานอาจขึ้นไปถึง 49 องศาเซลเซียสได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญคือร่างกายของเด็กเล็กอุณหภูมิสูงขึ้นเร็วกว่าผู้ใหญ่ 3-5 เท่า โดยปกติพ่อแม่จะไม่ทิ้งลูกไว้ในรถ แต่อาจทำผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจเนื่องจากความเครียด ความรีบร้อน อดนอน หรือมีบางอย่างกวนใจทำให้เสียสมาธิและเกิดหลงลืมลูกไว้ในรถ เด็กเล็กก็มักจะหลับในรถด้วย ทำให้พ่อแม่ลืมไปว่าลูกเล็กนั่งอยู่ในเบาะหลัง

ความปลอดภัยในการขับขี่เป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรให้ความสำคัญสูงสุด อย่าอ่านหรือส่งข้อความบนมือถือขณะขับรถ เพราะการละสายตาจากถนนเพียงไม่กี่วินาทีอาจก่ออุบัติเหตุได้ จัดสิ่งของภายในรถยนต์ให้เป็นระเบียบและปลอดภัยภายในพื้นที่จัดเก็บของรถยนต์เพื่อป้องกันแรงเหวี่ยงจากอุบัติเหตุทำให้สิ่งของกลายเป็นอาวุธทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ เตรียมชุดปฐมพยาบาลในรถเสมอเผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเพราะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของลูกน้อย

ต้นไม้มงคลที่คนนิยมปลูก 2021

ต้นไม้มงคลที่คนนิยมปลูก 2021

การปลูกไม้มงคลเป็นสิ่งที่ผู้คนนิยมมากไม่ว่าจะยุคสมัยใด เพราะมีผลทางจิตวิทยาให้รู้สึกถึงความหวังด้านเงินทอง โชคลาภ และการมีชีวิตที่รุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนในทางวิทยาศาสตร์การปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้านก็เพิ่มความสดชื่นจากการช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ ทำให้เราหายใจได้โล่งขึ้น

เรามาดูกันว่าไม้มงคลที่ผู้คนนิยมปลูกมีอะไรบ้าง

1.ต้นไผ่กวนอิม
เมื่อพูดถึงต้นไม้ชนิดนี้เราจะนึกถึงภาพเจ้าแม่กวนอิมที่ถือต้นไผ่ในปางประทานพร ซึ่งหมายถึงการอวยพรให้สุขภาพดี มีชีวิตอย่างร่มเย็น ไผ่กวนอิมเป็นต้นไม้ขนาดเล็กจึงใช้พื้นที่น้อยในการปลูก ทั้งยังดูแลง่าย มีเพียงภาชนะขนาดเล็กวางบนโต๊ะทำงาน ก็สามารถปลูกไผ่กวนอิมได้แล้ว

2.ต้นพลูด่าง
พลูด่างเป็นไม้ใบที่ปลูกได้ง่าย แม้จะมีเพียงน้ำและปุ๋ยวิทยาศาสตร์ มีความสวยงามที่ใบสีขาวสลับเขียวเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี เรียกเงินทองโชคลาภให้ไหลมาเทมา

3.เฟิร์นข้าหลวง
ต้นเฟิร์นเป็นพืชที่มีใบสวยงาม มีเอกลักษณ์ที่ลายของอัปสปอร์สำหรับการขยายพันธุ์ที่เรียงตัวอยู่ด้านหลังใบ ทำให้เห็นเป็นเส้นลายที่สวยงามมาก จึงมีชื่อเรียกว่าบางพันธุ์ว่า ข้าหลวงหลังลาย นิยมปลูกบริเวณทางเข้าประตูหน้าบ้านเพื่อเสริมบารมี เพราะจากชื่อต้นไม้เสมือนมีข้าหลวงคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

4.ต้นเงินไหลมา
ต้นเงินไหลมาเป็นพืชที่ปลูกได้ง่าย มีลักษณะเป็นเถาวัลย์ต่อยอดเลื้อยขึ้นไปได้ ซึ่งหมายถึงการต่อยอดเงินทองให้เพิ่มพูนงอกเงย นักธุรกิจ ข้าราชการ ที่ต้องการเรียกโชคลาภทางเงินทองควรปลูกประจำบ้าน

5.ส้มจี๊ด
ผลส้มจี๊ดมีสีสันที่สดใส เพิ่มความน่าชมแก่สวนรอบบ้าน ทั้งยังสัมพันธ์กับความเชื่อว่าส้มเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีและมั่งคั่ง สังเกตได้จากชาวจีนที่นิยมนำส้มไปไหว้บรรพบุรุษ ไหว้เจ้า และมอบให้แก่กันในโอกาสสำคัญต่าง ๆ

6.หมากผู้หมากเมีย
สีชมพูอมม่วงสดใสของหมากผู้หมากเมียช่วยให้บ้านสว่างขึ้น มีความเชื่อด้านการเรียกโชคลาภเงินทองเข้ามาสู่สมาชิกในบ้าน เหมาะกับบ้านที่มีบริเวณเพราะเป็นพืชที่ต้องการดินที่มีการถ่ายเทน้ำได้ดี มีความชื้นและแสงแดดที่พอเหมาะ จึงต้องเลือกบริเวณให้เหมาะสม เช่น ปลูกใกล้กับใต้ร่มไม้ใหญ่

ต้นไม้มงคลมีมากมายให้เลือก เราแนะนำให้คุณเลือกซื้อหาต้นไม้ที่ชื่นชอบด้วยตัวเอง คุณจะรู้สึกสบายใจและมีความสุขยิ่งขึ้นเวลาได้ชื่นชมต้นไม้เหล่านั้น ที่สำคัญ คือ การมีโชคลาภชื่อเสียงเงินทอง ต้องมาจากปฏิบัติในสิ่งทีดีในทุกวัน เช่น เอาใจใส่การงาน กตัญญูต่อพ่อแม่ ก็จะทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตขึ้นอย่างแน่นอน

รวม 4 สุดยอดแอพที่ช่วยทำให้งานนำเสนอของคุณปังเหมือนมืออาชีพ

รวม 4 สุดยอดแอพที่ช่วยทำให้งานนำเสนอของคุณปังเหมือนมืออาชีพ

การนำเสนองานที่ดี นอกจากคุณจะต้องเตรียมเนื้อหาที่พูดให้สามารถเข้าใจง่าย กระชับ ตรงประเด็น พูดแล้วผู้ฟังเห็นภาพตามแล้ว ยังมีอีกสิ่งที่นับได้ว่าเป็นหัวใจหลักของการนำเสนองานนั่นก็คือการทำ Presentation นั่นเอง ซึ่งในบทความนี้ผู้เขียนจะมานำเสนอ 4 สุดยอดแอพที่ช่วยทำให้งานนำเสนอของคุณปังเหมือนมืออาชีพ และทุกแอพนั้นยังสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังใช้งานบนมือถือได้แบบสบาย ๆ อีกด้วย

1.Canva
ความพิเศษของแอพนี้คือมี Template ให้คุณเลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ด้านเทคโนโลยี ด้านอาหาร ฯลฯ หรือถ้าคุณชอบ Template แต่ไม่ชอบสี คุณก็ทั้งยังสามารถเปลี่ยนสีได้ตามที่ต้องการ จึงทำให้คุณประหยัดเวลาในการทำงานไปได้เยอะมาก นอกจากแอพนี้จะทำงานเสนอได้แล้ว ยังสามารถทำงานประเภทศิลปะ เช่น การ์ดอวยพร ได้ อีกทั้งหากต้องนำเสนองานหลาย ๆ รอบ คุณยังสามารถอัดเป็นวิดีโอแล้วบันทึกไฟล์ออกมาได้อีกด้วย

2.Keynote
แอพนี้จะสามารถใช้ได้เฉพาะ iOS เท่านั้น ซึ่งลูกเล่นในแอพค่อนข้างเยอะ มี Template ให้เลือกหลากหลาย มีฟังก์ชันให้ซ้อมนำเสนอก่อนทำการนำเสนอจริง (จะมีสไลด์หน้าถัดไปแสดงอยู่ด้านข้าง ทำให้คุณสามารถนำเสนอได้อย่างคล่องแคล่วดูเป็นมืออาชีพ) อีกทั้งยังสามารถบันทึกไฟล์นำเสนอได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบ PDF หรือแบบวิดีโอ Keynote สามารถเนรมิตออกมาได้หมด

3.Pics Art
ปกติแอพนี้จะโดดเด่นมากในเรื่องการแต่งรูป เพราะแอพนี้มีลูกเล่นเยอะมาก เช่น ระบายสีด้วยสติ๊กเกอร์ได้ ลบพื้นหลังได้อย่างง่ายดาย ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที แล้วรูปที่ได้มีความเนียนมาก เป็นต้น แต่ถ้านำเอามาทำ Presentation ก็ยังคงมีความสวยงาม ใช้ง่าย และทำให้งานนำเสนอของคุณโดดเด่นไม่แพ้ใช้แต่งรูปเลย แต่แอพนี้อาจมีโฆษณาเวลาใช้งาน ซึ่งก็ไม่ได้บ่อยจนทำให้รู้สึกขัดใจ

4.PowerPoint
หากพูดถึงการทำ Presentation คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักแอพ PowerPoint อย่างแน่นอน เพราะแอพนี้ได้เปิดให้ใช้งานมาเป็นระยะเวลานานมากจึงได้รับความนิยมสูง ซึ่งแอพนี้มีความโดดเด่นตรงที่มีกราฟแผนภูมิในการนำเสนอข้อมูล สามารถลบพื้นหลังได้ มีลูกเล่นที่หลากหลาย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมแอพนี้ถึงเป็นที่นิยมขนาดนี้

จะเห็นได้ว่าการทำ Presentation ที่สวยนั้นจะช่วยทำให้ผู้ฟังเห็นภาพตามสิ่งที่คุณนำเสนอได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งถ้าคุณนำ 4 แอพที่ผู้เขียนได้นำมาแนะนำในบทความนี้ไปลองทำ Presentation รับรองได้เลยว่างานนำเสนอของคุณจะปังเหมือนมืออาชีพอย่างแน่นอน

Work from Home อย่างไรให้ประหยัดค่าไฟ ไม่เปลืองเงินในกระเป๋า

Work from Home อย่างไรให้ประหยัดค่าไฟ ไม่เปลืองเงินในกระเป๋า

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตหลายอย่าง โดยเฉพาะด้านการทำงาน เพราะจากที่เคยนั่งรถไปทำงานที่ออฟฟิศ แต่เดี๋ยวนี้กลับต้องนั่งทำงานที่บ้าน เรียกได้ว่าอยู่แต่บ้านทั้งวัน จนเป็นสาเหตุทำให้ค่าไฟพุ่งสูง จนหลายคนถึงกับบ่นอุบ และสำหรับใครที่เจอปัญหานี้ก็เตรียมบอกลาปัญหาได้เลย เพราะมีเทคนิคสุดเจ๋งที่ช่วยให้ Work from Home แบบประหยัดค่าไฟ ไม่ต้องกังวลว่าจะเปลืองเงินในกระเป๋า

นั่งทำงานในที่ที่มีแสงธรรมชาติเข้าถึง
แสงสว่างมีความสำคัญมากในการทำงาน เพราะแสงสว่างเพียงพอจะส่งผลดีต่อสุขภาพ ลดอาการเพ่ง และลดปัญหาด้านสายตาในอนาคต เพราะฉะนั้นควรเลือกมุมทำงานที่มีแสงสว่างเข้าถึง ที่สำคัญการได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติยังทำให้ประหยัดไฟ เพราะไม่จำเป็นต้องเปิดไฟตลอดเวลา ดังนั้น ใครรู้ตัวว่าทำงานในที่ที่แสงสว่างไม่เพียงพอ แนะนำให้เปลี่ยนตำแหน่งโต๊ะทำงานโดยด่วน

เปิดแอร์คู่กับพัดลมประหยัดกว่าเยอะ
แม้มีการรณรงค์ให้เปิดแอร์ที่ความเย็น 25 องศาเซลเซียส แต่รู้หรือไม่ว่าการเปิดแอร์คู่กับการเปิดพัดลมจะช่วยประหยัดไฟยิ่งกว่า หากปกติตั้งอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ให้ลองเปลี่ยนอุณหภูมิเป็น 26 องศาเซลเซียส และเปิดคู่กับพัดลม ซึ่งวิธีนี้ทำให้ประหยัดค่าไฟมากถึง 10 เปอร์เซ็นต์ หรือหากต้องการประหยัดสุด ๆ ควรเลือกมุมทำงานที่อากาศถ่ายเทดี เพราะหากอยู่ในที่อากาศถ่ายเทสะดวกจะทำให้ไม่ร้อน เปิดพัดลมเพียงตัวเดียวก็เพียงพอ

ลองเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED
แม้ว่าหลอดไฟ LED จะมีราคาแพงกว่า แต่สามารถประหยัดไฟได้ดีกว่าหลอดไฟธรรมดา อีกทั้งยังให้แสงสว่างมากกว่า ดังนั้น เมื่อต้องอยู่บ้านตลอดทั้งวัน แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ลงทุนครั้งเดียวแต่ใช้งานคุ้มค่า นอกจากนี้ ช่วงเวลาพักเบรกหรือพักเที่ยง ควรปิดไฟและถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานด้วย

อย่ามองข้ามการใช้งาน Sleep Mode
คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก ถือเป็นอุปกรณ์จำเป็นอย่างยิ่งในการ Work from Home และเป็นอุปกรณ์ที่ต้องเปิดตลอดทั้งวัน แต่เชื่อเถอะว่าบางครั้งคอมพิวเตอร์ไม่ได้ถูกใช้งานตลอดเวลา การเลือกใช้งาน Sleep Mode จึงเป็นตัวช่วยประหยัดพลังงานได้ และนอกจากทำให้ประหยัดค่าไฟแล้วยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่ นอกจากนี้อย่าลืมตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านให้พร้อมใช้งานเสมอ เพราะหากอุปกรณ์เก่าหรือเสื่อมสภาพ ย่อมกินกำลังไฟมากกว่าอุปกรณ์ที่ยังใช้งานได้ดี

เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่รู้จะคลี่คลายไปในทิศทางดีขึ้นเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นหลายคนอาจต้อง Work from Home กันแบบยาว ๆ และเพื่อไม่ให้ต้องปวดหัวกับค่าไฟ อย่าลืมนำเทคนิคประหยัดไฟเหล่านี้ไปใช้ รับรองว่าค่าไฟจะไม่รบกวนเงินในกระเป๋าแน่นอน

อาชีพเสริมที่คนนิยมทำในปี 2021

อาชีพเสริมที่คนนิยมทำในปี 2021

ในช่วงปี 2020-2021 ที่ไวรัสโควิด-19 ยังระบาดนั้น การทำอาชีพเสริมเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปจากงานประจำ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในภาวะตกงานหรือถูกปลดจากบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจหดตัว ก็ต้องหาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้มาทดแทน เรามาดูกันว่ามีอาชีพเสริมอะไรบ้างที่ยังทำได้ในปีนี้

1.ทำฟาร์มผักปลอดสารพิษ
ผักปลอดสารพิษยังเป็นที่นิยมอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในกลุ่มคนรักสุขภาพ เพียงมีพื้นที่ขนาดเล็ก ๆ หากจัดสรรได้ดี คุณก็สามารถปลูกผักสวนครัวหรือผักสลัด เช่น มะเขือเทศ ผักกาดขาว ต้นหอม ผักชี ถั่วงอก ฯลฯ เพื่อการจำหน่ายแบบออนไลน์ ส่งร้านค้าใกล้บ้าน หรือนำมาประกอบอาหารด้วยตัวเองและจำหน่ายเป็นอาหารตามสั่งตามออเดอร์ทางเพจ Facebook ก็ได้

2.ทำเค้กและคุกกี้ออนไลน์
เค้กและคุกกี้เป็นขนมที่คนไทยและชาวต่างชาตินิยมรับประทานตลอดปี และในช่วงโควิดระบาดที่ทุกคนต้องรักษาระยะห่างทางสังคม ตามหลักการ Social Distance ก็ทำให้มีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่อยู่ในไทย มองหาของกินอร่อยที่ชื่นชอบที่พร้อมจัดส่งถึงบ้าน หากคุณรักการทำขนมและหมั่นพัฒนาฝีมือ ทำเค้กและคุกกี้ให้สวยงามและอร่อย ก็สามารถเปิดรับออเดอร์ออนไลน์ได้รายได้เสริมเข้ามาเดือนละหลายพันหลายหมื่นบาทได้

3.เป็นแอดมินดูแลเพจ
ในช่วง 2020-2021 นั้น มีสถิติพบว่าธุรกิจออนไลน์มีการเติบโตอย่างมาก เพราะทุกคนต่างหันมาซื้อของผ่านทางระบบออนไลน์มากยิ่งขึ้น จึงมีเพจ facebook จำนวนไม่น้อยที่ประกาศรับสมัครแอดมิน ช่วยตอบคำถาม ดูแลงานหลังบ้านต่าง ๆ หากคุณมีความสามารถทางด้านไอทีและชอบบริการให้ข้อมูลแก่ลูกค้า ก็ควรลองสมัครทำดู อาจสร้างรายได้เสริมได้เดือนละหลายพันบาท

4.เป็นนักเขียนออนไลน์
ในปัจจุบันมีแอปพลิเคชันมากมายที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับบทความจากนักเขียนอย่างไม่จำกัด โดยมีการให้ค่าตอบแทนเป็นจำนวนเงินตามกติกาที่แตกต่างกันไป หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการเขียนเรื่องราวต่าง ๆ ก็สามารถสร้างรายได้เสริมจากการเป็นนักเขียนได้ อาทิ บทความแนวแม่และเด็ก สาระเพื่อการดูแลสุขภาพ การ์ตูน นวนิยาย คําคมสร้างแรงบันดาลใจ เป็นต้น

5.ทำช่อง YouTube
การสร้างรายได้ผ่านทางโฆษณาและการสมัครสมาชิกแบบพิเศษที่ YouTube พัฒนาขึ้นในระยะหลังนั้น เป็นประโยชน์ต่อเจ้าของช่องยูทูปอย่างมาก หากคุณมีเรื่องราวที่อยากนำเสนอ หรือมีความสามารถเฉพาะทาง เช่น การทำอาหาร ผลิตชิ้นงานแนว DIY หรือมีสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก ก็สามารถทำคลิปอัปโหลดขึ้นช่อง YouTube เพื่อสร้างรายได้เสริมได้

จะเห็นได้ว่า ในช่วงที่ธุรกิจจำนวนมากประสบปัญหา แต่ก็ยังมีงานอีกหลายประเภทที่คุณสามารถทำได้ เพื่อสร้างรายได้เสริมมาชดเชยกับรายได้ประจำที่ขาดหายไป ขอเพียงมีความมุ่งมั่นและทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดอย่างต่อเนื่อง ก็จะประสบความสำเร็จได้โดยไม่ยาก

เคล็ดลับครอบครัวมีสุข ทำอย่างไรให้ชีวิตดีการงานรุ่ง

เคล็ดลับครอบครัวมีสุข ทำอย่างไรให้ชีวิตดีการงานรุ่ง

ความสุขในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตมนุษย์และเป็นสังคมใกล้ชิดตัวเราที่สุด หากสมาชิกทุกคนรักใคร่กลมเกลียวและมีสุขภาพดีจะเป็นครอบครัวที่สตรอง อบอุ่น อารมณ์ดี มีความมั่นคงทั้งกายและใจ เคล็ดลับความสุขของครอบครัวเกิดขึ้นได้จากการที่สมาชิกทุกคนพร้อมใจใช้เวลาร่วมกันอย่างเพียงพอ ปู่ย่าวัยเกษียณ พ่อแม่วัยทำงาน ลูกวัยเรียน ทุกคนควรเรียนรู้ที่จะสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและหน้าที่ของตนเอง

ดังนั้น เพื่อให้ทุกคนมีความสุขได้ทุกวัน เราจึงมีเคล็ดลับสร้างความสุขภายในบ้านมาแนะนำกัน ดังนี้

1.แบ่งแยกเวลาทำงาน และเวลาที่อยู่กับครอบครัว
การแบ่งเวลาไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าไม่รู้จักจัดลำดับความสำคัญและสร้างสมดุลระหว่างชีวิตในบ้านและหน้าที่การงานนอกบ้าน บางคนจริงจังกับงานจนสุดตัวทุ่มเทเวลาทั้งในและนอกบ้านเหมือนกับว่าชีวิตมีแต่เรื่องานเท่านั้น ทำให้ละเลยความสัมพันธ์กับครอบครัว แต่ก็มีบางคนห่วงภาระผูกพันกับครอบครัวจนละเลยความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน จำเป็นต้องแบ่งเวลาให้มีความสมดุลเพื่อให้ครอบครัวมีความสุขมากขึ้นและทำงานประสบความสำเร็จด้วย

2.พูดคุยกันอยู่เสมอ
เมื่อครอบครัวอยู่พร้อมหน้ากันการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการอยู่ร่วมกันโดยไม่มีคำพูดก็เหมือนกับต่างคนต่างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้าย พ่อแม่ลูกควรถ่ายทอดความรู้สึกออกมาสื่อสารให้เข้าใจและรับฟังกันและกัน ไม่จำเป็นต้องคุยเรื่องใหญ่โตอะไร แค่บอกเล่าเรื่องชีวิตประจำวันให้รู้ว่าแต่ละคนทำอะไรบ้าง บ้านจะมีชีวิตชีวาขึ้นแน่นอน เหนือสิ่งอื่นใดคือการจัดตารางเวลาให้มีกิจวัตรประจำวันร่วมกัน เช่น กินมื้อเย็นด้วยกัน ดูทีวีด้วยกัน ไปเดินเล่นหรือชวนกันออกกำลังกายเป็นครั้งคราว อาจเป็นเรื่องยากที่จะหาเวลาให้ทุกคนอยู่พร้อมหน้า แต่ถ้ามีโอกาสอยู่ด้วยกันควรพูดคุยสื่อสารใช้เวลาอย่างมีคุณภาพที่สุด

3.ไม่บังคับจิตใจกัน
ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใด ๆ ต้องให้ทุกคนมีส่วนร่วมด้วยความเต็มใจอย่างแท้จริง เพราะถ้าฝืนบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ อาจทำให้รู้สึกเป็นทุกข์ ไม่พอใจ และไม่สนับสนุนร่วมมือจริง ๆ ทำให้ฝ่ายที่ถูกบังคับรู้สึกว่าอีกฝ่ายเห็นแก่ตัว นึกถึงแต่ตัวเองไม่คิดถึงความต้องการคนอื่น แทนที่จะเป็นเรื่องดีกลับกลายเป็นโทษ หากทุกคนทำสิ่งที่อยากทำร่วมกัน แม้จะเป็นเวลาเพียง 10 นาทีต่อวัน ก็มีความสำคัญและได้ประโยชน์

4.ทำความเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบัน
ในเวลาที่ชีวิตยากลำบากรุมเร้าด้วยปัญหารายได้ไม่พอใช้ ค่าใช้จ่ายสูงชักหน้าไม่ถึงหลัง บวกกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไปอีก ครอบครัวควรที่จะอยู่เคียงข้างกัน ช่วยเหลือกัน การสร้างความสุขนิสัยในครอบครัวต้องมองในเชิงบวกและสร้างสรรค์ เมื่อผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ช่วงเวลาที่ดีจะต้องนึกถึงกัน ไม่ทิ้งกัน โดยปกติการขอความร่วมมือจากลูกโตเป็นวัยรุ่นไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าไม่เคยบ่มเพาะนิสัยการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของครอบครัวมาก่อน ช่วงเวลาที่ทุกคนกักตัวอยู่ที่บ้าน พ่อแม่ลูกมีเวลานั่งกินข้าวเป็นครอบครัวบ่อยขึ้น มีโอกาสพูดคุยหัวข้อต่าง ๆ มากขึ้น กระตุ้นให้ทุกคนสื่อสารออกมา ไม่ให้คนใดคนหนึ่งรู้สึกว่าเป็นคนวงนอก ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนกันไป อย่ากดดันหรือคาดหวังความสมบูรณ์แบบ จะทำให้ทุกคนเต็มใจช่วยให้ครอบครัวมีความสุขมากขึ้น

คำแนะนำข้างต้นเป็นเทคนิคง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ เพื่อทำให้ครอบครัวมีความสุขมากขึ้นได้